เมนูอร่อย เดือนพฤษก..

มาแล้วจ้า.. อาทิตย์สิ้นเดือนก็ต้องเป็นเมนูของเดือนนั้นๆเนาะ

ผัดเปรี้ยวหวาน..

ทำไม่ยาก และได้กินผักเยอะด้วย
อร่อยมากมายก็ตรงสัปปะรด หวานฉ่ำๆ
(ใช้แบบกระป๋อง เพราะสะดวกและถูกดี เหลือก็ใช้ทำน้ำปั่นได้)
หยกใส่พริกสดลงไปด้วย ออกเผ็ดนิดๆ อร่อยดีนะ

พาสต้าปูเบค่อน

ทำเหมือนพาสต้าครีมทั่วไป แต่เพิ่มเนื้อปูลงไป
ซื้อมากระป๋องน้อยๆ แต่อัดแน่นไปด้วยเนื้อปู
ใช้สปาเก็ตตี้เส้นเล็ก กินๆไป เหมือนกินเส้นขนมจีนเลย
ถึงว่า บางคนแนะนำว่า ถ้าหาเส้นขนมจีนทำน้ำยากินไม่ได้
ก็ให้ใช้เส้นสปาเก็ตตี้แทน แต่ต้องเป็นอย่างเล็กนี่เอง..

กระเพาะปลาเนื้อปูและไก่

ทำคราวนี้เต็มสตีมมากๆ เพราะนอกจากมีเนื้อปู น่องไก่ ปีกกลางไก่ และเนื้อไก่ฉีกแล้ว
คราวนี้ใช้ไข่นกกระทาด้วย ถูกใจคุณสามี เพราะคราวก่อนใช้ไข่ไก่ เค้าบ่นว่า ไม่เข้ากัน
ขาดอย่างเดียวก็ น้ำส้มพริกเปรี้ยวๆ อ่ะ ไม่งั้นคงอร่อยครบสูตร..


ปูผัดผงกะหรี่..

ในที่สุดก็ได้ทำกิน Y^Y
แต่กว่าจะได้ปูมา สู้รบปรบมือกะมันจนเหนื่อย
(ไปยืนกรี๊ดๆอยู่ตรงกะบะปูอยู่พักใหญ่ ก็ปูมันสู้อ่ะ T_T)
แล้วก็ได้ทำกินสมใจ อร่อยสมค่าเหนื่อย
เสียอย่างเดียวที่ว่า ปูตัวเล็กไปหน่อย เนื้อก็เลยน้อยไปด้วย
กินกันมือไม้เละเทะไปหมด
คุณสามีว่า คราวหน้า เอาแบบ King Crab Leg ดีกว่า
แพงหน่อย แต่ได้กินเนื้อเน้นๆดี..

ไม่มีขึ้นช่าย หรือตั้งโอ๋ ก็ใส่โหระพาแทน ก็อร่อยดีเหมือนกัน หอมๆ

ผัดผงกระหรี่ทะเล..

พอได้ทำปูผัดผงกระหรี่แล้ว เออ อร่อยดีนะ ก็เลยคิดว่าทำผัดผงกระหรี่กินอีกรอบก็ดีนะ
สองสามวันต่อมาก็เลยทำอีกรอบ แต่คราวนี้ใช้กุ้งสดแทน ใส่ลูกชิ้นปลาและปลาหมึกไปด้วย
เลยออกมาเป็น ผัดผงกระหรี่ทะเล อร่อยอีกแล้ว..


ซูชิ..

ครั้งสุดท้ายที่ไปร้านเอชียร้านประจำ ถามคุณสามีว่า อยากกินซูชิมั้ย เค้าว่าอยากกิน
ก็เลยได้ข้าวซุชิกับสาหร่ายมา แต่ไม่มีจังหวะทำเสียที..
จนเมื่ออาทิตย์ก่อน ไปซื้อกับข้าว ได้แตงกวา อโวคาโด่มา ก็เลย เอาว๊ะ ลองทำดู
ก็หาสูตรจากในเน็ต เรื่องการเตรียมข้าวซูชิ และวิธีการห่อ
แล้วก็ได้ซูชิมากินจนได้..
ใส่ข้าวหนาไปนิด เครื่องน้อยไปหน่อย ก็เลยออกมาใหญ่เบิ้มอย่างที่เห็น
คราวหน้าเน้นเครื่องกว่านี้ โป่ะข้าวบางๆ และใส่งาคั่วด้วย คงจะแจ่มกว่านี้ รอดูกัน รอดูๆ

จานสุดท้าย..
แซลม่อนแซ่บ..

มีแซลม่อนแช่แข็งค้างปีไว้นานละ (จำได้ว่า ซื้อมาตั้งแต่มาใหม่ๆ โฮะๆ)
หมักแบบกระหน่ำมาก คือมีอะไรก็ใส่หมดเลย รวมทั้งมะนาวและพริกป่น
เลยออกมารสแซ่บกว่าปกติ อบด้านนอกกรอบๆหน่อย.. แหง่มๆ..
(รูปเบลอไปหน่อย..)

งวดนี้ไม่มีของหวาน เพราะไม่ได้ทำเค้กหรือขนมอะไรเลย
เพราะแพคเครื่องอบ เครื่องทำขนมลงกล่องไปหมดแล้ว
เครื่องครัวอย่างหม้อ กะทะบางชิ้นกะลงกล่องไปแล้วเหมือนกัน

เตรียมตัวย้ายบ้านอาทิตย์หน้า เย้ๆๆ

ครัวใหม่จ๋า.. พี่มาแล้วววว.. ^^

Balloon Festival..

25 June 2010

วันก่อนได้ดูข่าวประชาสัมพันธ์เรื่อง Balloon Festival ที่เมือง Howell
เห็นว่าไม่ไกลจากแลนซิ่งมาก ก็เลยตกลงว่าจะไปกันวันนี้

หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จ ก็ออกเดินทาง ขับรถประมาณ 30 นาทีกฌถึงเมือง Howell

Howell เป็นเมืองเล็กแต่ไม่เงียบเหงามาก รอบนอกเมืองมีเกือบทุกอย่างที่อยากให้มี
(ช้อปปิ้งมอลล์ และร้านอาหารต่างๆ) จัดได้ว่า น่าอยู่อีกเมืองหนึ่ง

ระหว่างทางที่ขับผ่านตัวเมือง Howell จะเห็นที่ห้อยเป็นบอลลูนเล็กๆขายตามข้างทาง
และห้อยอยู่ตามระเบียงบ้านของคนเมืองนี้ น่ารักมากๆๆ

มาถึงลานงานประมาณห้าโมงเย็น ก็ขับหาที่จอดรถ
เห็นข้างทางว่า ค่าจอดรถ $5 เราก็ โหย แพง..
พอมาถึงงาน จะมีลานจอดรถที่จัดไว้โดยเฉพาะ กะลังจะจอดละ จะจ่ายค่าตั๋ว
ปรากฏว่า ค่าจอดต่อวัน $12.. O_O'
วนรถกลับไปอีกฝั่งตรงข้ามของงาน ยอมจ่าย $5 ดีกว่า -_-'

มุมแรกที่ถ่ายรูป ก็เจ้าลิงกอริล่ายักษ์นี่..

บรรยากาศงานโดยรอบก็แบ่งเป็นสองฝั่ง คือฝั่งขายงานฝีมือต่างๆ อีกฝั่งก็จะเป็นสวนสนุก (คนจะเยอะกว่า)

มีเครื่องเล่นเยอะแยะ และดูท่าจะทำเงินได้เยอะมาก เพราะคนมาเที่ยวงานและขึ้นเครื่องเล่นกันให้แน่น

ประมาณหกโมงกว่าๆ ก็เริ่มปล่อยบอลลูน
พอบอลลูนลูกแรกถูกปล่อย คนก็เริ่มย้ายจากโซนต่างๆ มารุมกันที่ลานบอลลูน

ตอนแรกคิดว่าคงแค่ 5-6 ลูก
แต่ที่ไหนได้ เค้าปล่อยออกมาเรื่อยๆ เยอะมากๆ สีสันสดใสได้ใจทุกใบ..

เสียดายที่คนเยอะมาก และเค้าไม่ได้ปล่อยที่เดียวหลายๆลูก (แต่ทะยอยไปเรื่อยๆไม่ขาดสาย)
ถ้าได้ครั้งเดียวหลายลูก คงสวยเหมือนที่เคยเห็นรูปในเน็ต..



พอบอลลูนปล่อยหมดแล้ว ก็นั่งพักซักแป๊ป แล้วก็ออกเดินเล่นส่วนของสวนสนุกอีกครั้ง
ที่ยังไม่กลับเลย เพราะหลังจากนี้ จะมีปล่อยพลุไฟอีก แต่ต้องรอให้มืดก่อน..

ตอนแรกกะว่าคงไม่เล่นอะไร เพราะดูท่าแล้ว คงไม่คุ้มกัน
แต่ก็ไปสะดุดกับร้านเกมแห่งหนึ่ง จำไม่ได้ว่าเค้าเรียกว่าอะไร
แต่วิธีเล่นคือ แลก Token หรือ เหรียญเงิน แล้วมาเล็งหยอดลงตู้
ให้แป้นดันๆให้token หรือรางวัลตกมา
ถ้าเหรียญตกมา เราก็เอามาหยอดได้ต่ออีกเรื่อยๆ (ดูรูปด้านล่างตอนหยอด)
แต่ถ้าเป็นของรางวัล ก็เก็บเอาไว้แรกขอรางวัลใหญ่ๆได้

จาก $1 เป็น$2 แล้วก็เป็น $5 สุดท้ายเสียไป $10 ได้พวงกุญแจมา 3 อัน -_-'
(ถ้าได้พวงกุญแจ5 อันก็แลกตุ๊กกะตาตัวเล็กได้หนึ่งตัว)
เสียตังไป $10 สบายใจแล้ว ก็มานั่งรอดูพลุไฟ

ช่วงหน้าร้อน กลางวันที่นี่จะยาวมาก
ที่เห็นเด็กๆวิ่งเล่นกันอยู่นี่ ประมาณสองสามทุ่มแล้วนะ แต่แดดยังแรงจ้าเหมือนบ่ายสามบ่ายสี่อยู่เลย..


ประมาณสี่ทุ่ม ท้องฟ้าก็มืดสนิท.. กว่าจะได้ดูพลุก็ประมาณสี่ทุ่มหน่อยๆ


พลุไฟก็ไม่ได้มีอะไรอลังการหรือเเปลกใหม่จากที่อื่นๆ

แต่ก็สวยและประทับใจ คุ้มกับที่รออยู่หลายชม.

ประมาณสี่ทุ่มครึ่งก็ได้เวลากลับ..

กลับถึงบ้านประมาณห้าทุ่ม อาบน้ำนอน..

Note: โชคดีที่เปิดไปเจอข่าวประชาสัมพันธ์เรื่องงานนี้

และดีใจที่ตัดสินใจไปมา น่าประทับใจมากๆ ครั้งหนึ่งในชีวิต

และโชคดีมากๆ ที่งานนี้มีก่อนที่เราสองคนจะย้ายและก่อนหยดกลับไปไทย..

ประทับใจ..

Last time in Canada..

19 June 2010

ออกจากแลนซิ่งประมาณ 9 โมงกว่าๆ
วันนี้แพลนจะแวะไปที่ Grand Bend Beach
หลังจากผ่าน ตม. เข้ามาฝั่งแคนาดา ก็เปิด GPS มุ่งไปแกรนเบนด์
ระหว่างทาง แวะที่PortFranks วิ่งขึ้นลง sand hill
เดวิดเล่าว่า เคยแวะมาวิ่งขึ้นลงที่ยอดทรายนี้บ่อยๆระหว่างทางไปแกรนเบนด์

SandHill เป็นเขาทรายเล็กๆ เห็นไกลๆนึกว่าเป็นดินธรรมดา ค่อนข้างสูงชันกว่าในรูป

เนื่องจากเป็นเวลาร่วมเที่ยง แดดแรงเปรี้ยง ก็เลยแวะถ่ายรูป 4-5แชะ ก็วิ่งกลับไปขึ้นรถ
เพราะทรายที่ยืนอยู่ ร้อนมากกกกก.. เท้าพองเลยทีเดียว

แล้วก็ขับขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ประมาณ ครึ่งชม. ก็มาถึง Grand Bend
ยอมรับว่า ต่างจากที่คิดไว้เยอะมากก..
เห็นเดวิดบอกว่าเป็น หาดริมทะเลสาบ เราก็คิดว่าคงเหมือนที่ Lake Lansing Park
แต่ที่ไหนได้ เหมือน ชะอำ พัทยาบ้านเราเลย

เป็นหาดทรายยาววว..เป็นกิโล และค่อนข้างเป็นที่นิยม แต่ส่วนมากจะเป็นเก็ดวัยรุ่น มหาลัย
สาวๆจะใส่บิกินี่เหินกันไปมา ส่วนหนุ่มๆก็เกงเสิร์ฟบอร์ด เล่นบอลโชวกล้ามกันให้ปร๋อ (ป้าใจสั่น ฮ่าๆๆ)

วันนั้นอากาศดีมาก แดดแรงได้ใจ หาดทรายร้อนระอุ ส่วนน้ำก็เย็นเจี๊ยบบบ.. ใสน่าเล่นมากๆ


ถ่ายรูปเล่นจนพอใจแล้ว ก็ได้เวลากินมื้อเที่ยง..
เลือกกินที่ร้านง่ายๆริมทาง เดวิดสั่ง Fish&Chip
ส่วนหยกสั่ง Buffalo wings sticks มากิน (เสียดายที่ซอสท่วมไปหน่อย เลยกินแบบเลี่ยนๆ)

ออกจาก GrandBend ก็ดิ่งไปบ้านพี่สาวเดวิด ไปถึงกะว่าจะไปเล่นน้ำที่สระหลังบ้านเสียหน่อย
แต่เมื่อไปถึง หลานชายกะเพื่อนๆเล่นกัน(กระหน่ำ)อยู่ กะเลยได้แต่เปลี่ยนชุดรอ..

ระหว่างรอเดวิดล้างรถรอ ส่วนหยกก็เล่นบาสอยู่ใกล้
เดวิดให้ลองถอยรถกับขับรถรอบๆดู ตอนแรกก็ไม่กล้า
แต่ได้แรงยุ ก็เลยลองดู.. ก็ไม่ยากเลย
เป็นครั้งแรงที่เดวิดให้ลองขับ (คนเดียวด้วย เดวิดคอยถ่ายรูปอย่างเดียว)
ล้างรถเสร็จ เพื่อนๆหลานชายกลับไปหมด ก็ได้เวลาสองลุงป้าลั้ลลาครองสระ ว๊ะ ฮ่า ฮ่า..

มื้อเย็นทำ ชีสเบอร์เกอร์กินกัน.. อิ่มอืดมากกก..

อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็เข้าไปในเมือง Strathroy
วันนั้นมีคาราวานของเล่น ก็ไปเล่นกันเสียหน่อย


ค่าเล่นค่อนข้างแพง หลังจากเดินไปมารอบๆ ก็ตัดสินใจเล่นเครื่องเล่นหนึ่งอย่าง
คนละ $5.25 (แน่ะ) ไอ้เขียวๆหมุนนี่ล่ะ ตอนแรกคิดว่าจะน่ากลัว หรือเสียวๆ
แต่กลายเป็นว่า เวียนหัว จนอยากจะอ้วกเลย ความรู้สึกเหมือนปั่นจิ้งหรีดอ่ะ
ลงมา เดินไม่เป็นเลยเจ้าค่ะ -_-'

บรรยากาศเหมือนงานวัดบ้านเรา ที่มีเครื่องเล่นต่างๆ
และร้านขายของกิน และร้านเล่นเกมอย่างปาโป่งก็มี
ประมาณ สี่ทุ่ม ก็กลับบ้านนอน..
(นอนหัวหมุนวิ้งๆ จนหลับไปเลย..)

เช้าวันอาทิตย์ เป็นวันพ่อของแคนาดาและเมกา
อาบน้ำแต่งตัว ไปโบสถ์ เพื่อเซอร์ไพรส์พ่อสามี
เค้าไม่รู้ว่าเราจะมาหา..

หลังจากโบสถ์ ก็ไปกินมื้อเที่ยงที่แคโรล พี่สาวอีกคน ซึ่งอยู่ในตัวเมือง London
อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่า บ้านส่วนใหญ่แถบน้ันจะเป็นสไตลส์เก่า ซึ่งจะสวยมาก
หลังจากจอดรถ ก็เป็นว่า บ้านนั้นสวยดีนะ (และใหญ่มากกกก..)
ก็เลยถ่ายรูปซะหน่อย ระหว่างถ่ายมีผู้ชายคนหนึ่งเดินผ่านไป แล้วก็เลี้ยวเข้าบ้านนั้น
แล้วก็นั่งปุ๊ อยู่ตรงระเบียงด้านหน้าของบ้านนั้น
ก็รู้เลยว่า เป็นเจ้าของบ้านนั้น เค้าคงประมาณว่า มาถ่ายรูปบ้านชั้นทำไม -"-
หยกกะเดวิดเลยต้องรีบเดินเข้าบ้านแคโรลไป (กลัวเค้าเรียกตำรวจ -_-')

หลังมื้อเที่ยง ก็กลับไปบ้านไดแอน ทำโน่นนี่นั้นเล่นกันเพลินๆก็มืด..

ดูหนัง นั่งคุยกันไป จนเที่ยงคืนก็ลากันไปนอน..

เช้าวันต่อมา ทุกคนออกไปทำงาน ไปรร. กันหมดแล้ว เหลือแต่หยกกับเดวิด
อาบน้ำแต่งตัว กินมื้อเช้า(มาม่า ฮ่าๆๆ)เสร็จ ก็เดินทางกลับแลนซิ่ง..

อ้อ ก่อนกลับแวะซื้อของที่ Canadian Tire ได้กะทะ กับมีดเซตของ KitchenAid มา เย้ๆๆ

หลังจากนี้คงไม่ได้มาแคนาดาอีก จนกว่าจะกลับมาจากบ้านที่ไทย..
ส่วนจากนี้จนถึงวันที่ต้องเดินทาง ก็คงแพคของเตรียมย้ายบ้าน
เหลือเวลาอีกประมาณ ยี่สิบวันเท่านั้น ยังต้องทำอะไรอีกหลายอย่าง

ถ้ามีเวลา ก็จะมาบอกเล่าความคืบหน้านะ..

วีดีโอการ(ลอง)ขับรถครั้งแรกใน North America
ซึ่งคนขับและเลนที่ขับจะตรงข้ามกับบ้านเรา

ตอนจบ มีปัญหากับเบรกมือ -_-'

Happy 1st Anniversary..

เวลาผ่านไปไว เหมือนโกหก..

ได้ยินบ่อยๆ และรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ..

แป๊ปๆ ก็หนึ่งปีแล้ว..
วันนี้เมื่อปีที่แล้ว หยกกับเดวิด เดินจับมือกันเดินต๊อกๆ เข้าไปสำนักงานเขตพระโขนง
หนึ่งชม. ต่อมา ก็ได้กระดาษกรอบกุหลาบที่เรียกว่า "ใบสำคัญสมรส" มาอยู่ในมือ

(ภาพเมื่อวันที่ 19 มิย 2552)

เช้าวันนี้ เดวิดตื่นเช้าเหมือนทุกวัน
เปิดลิ้นชักโต๊ะหัวเตียง ยื่นการ์ดให้เมียที่ยังนอนหาวหวอดๆอยู่บนเตียง
"Happy Anniversary!"


การ์ดให้เดวิด หยกซื้อไว้แล้ว แต่ลืมเขียน (มั่วแต่ยุ่งโน่นนี่ แพคของด้วย)
โดดออกมาจากเตียง ก็มานั่งเขียนหงุดๆ แล้วก็ยื่นให้คุณสามี (แห่ะๆ -_-')

แล้วก็เปิดการ์ดจากครอบครัวเดวิดที่เค้าให้มาตั่งแต่ไปแคนาดาเมื่อคราวที่แล้ว

อันแรกนั่น ของหยก ให้เดวิด
เข้าไปในร้าน Hallmark ก็โป๊ะเช๊ะ ใช่เลย
เพราะรักเราเริ่มแรกจากการเขียนโพสการ์ดและจม.นี่ล่ะ เข้ากันๆ
ส่วนอันที่สองนั่นจากเดวิด ให้หยก

อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เดินทางไปแคนาดา..
วันพรุ่งนี้ (20 June ) เป็นวันพ่อ..
ก็เลยกะว่า จะไป surprise พ่อเค้าเสียหน่อย

วันนี้ 19 มิย. เป็นวันจนทะเบียนสมรส คือเป็นสามีกันตามกม.
ส่วนวันที่ 26 กค คือวันแต่งงาน (งานแต่ง)
เนื่องจากคงไม่ได้อยู่ด้วยกันวันที่ 26 กค เพราะหยกกลับบ้านเสียก่อน
ก็เลยถือเอาวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานไป(ก่อน)

ไม่ได้มีอะไรมากมาย ไม่มีของขวัญอะไรพิเศษ
แค่ได้อยู่ด้วยกัน ผ่านปีแรกมาด้วยกัน ก็พอใจแล้ว..

Happy our 1st Anniversary..
I love you..
^_______________^

I like your bag..

" I like your bag.."
เป็นประโยคที่ได้ยินหลายครั้งแล้ว
ตอนแรกก็คิดว่า คงแค่ชมแบบพอเป็นมารยาท
เพราะได้ยินจากเพื่อนเดวิด, พี่สาวเดวิด หรือคนที่รู้จัก

แต่เริ่มแน่ใจมากขึ้น (ว่ากระเป๋าเราน่ารักจริงๆ)ก็เพราะ..

ตอนไปเดินซื้อของที่ Meridian Mall เดินๆอยู่โซนกระเป๋า
ก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง เข้ามาขอความช่วยเหลือ
เธอยืนอยู่ตรงหน้ากระจก มีกระเป๋ากองที่พื้นอยู่ 1-2 ใบ
แล้วเธอก็สะพายอยู่อีก 2 ใบ อย่างละข้าง
ข้างหนึ่ง ของ GUESS อีกข้างของ Jessica Simpson
เป็นสีดำทั้งสองใบ
เธอก็ถามว่า ใบไหนเหมาะกะเธอมากกว่ากัน
หยกดูแล้วบอกว่า GUESS ดูดีนะ แต่น่าเบื่อและทำให้ดูแก่ไปหน่อย
ส่วนของ JS ดูดี หวาน แต่ไม่มาก และคุณเหมาะกะใบนี้มากกว่า
เธอก็ว่า นั่นสิ เธอก็ว่ายังงั้น แล้วก็บอกว่า ชอบกระเป๋าหยกเหมือนกัน
หยกก็เลยบอกว่า JS เหมือนกันจ้า.. ^^

อีกครั้งก็ตอนไปเดินดูเฟอร์นิเจอร์ที่แคนาดา
หยกก็เดินดูไปเรื่อยๆแยกกะคุณสามี
แล้วคุณสามีก็เข้ามากระซิบว่า "Did you hear that??"
Y : Hear what? -"-?
D : Those ladies just said they liked your handbag.
Y : Oh, really?
D : They said it's cute.
Y : ^^

ครั้งล่าสุด ก็ เมื่อตอนไปกินอาหารแอฟริกันในแลนซิ่ง เมื่อวาน
ตอนจ่ายตังค์ กะลังจะกลับ ผู้หญิงที่เป็นแม่ครัวเข้ามาทัก
บอกว่า กระเป๋าน่ารักจัง ซื้อมาจากไหน อาจจะไปหาซื้อมาให้ลูกสาวบ้าง
เมื่อกี้ลูกสาวที่เพิ่งออกไป เค้ากระซิบบอกว่า ชอบกระเป๋าเราน่ะ
หน้าบานเลย.. ^^

ใบนี้ได้มาจาก Marshalls หลายเดือนมาแล้ว
ราคาปกติ $88 แต่ที่มาร์แชลส์ใบละ $49.99



อ้อนๆคุณสามีให้ซื้อให้ เพราะถึงจะราคาต่ำกว่าปกติร่วมครึ่ง แต่ก็ยังถือว่าแพงอยู่
(ต้องขออนุญาตก่อน ซื้อเองไม่ได้ เด๋วโดนเม้งเอา Y_Y)
คุณสามีเห็นว่า เราไม่เคยซื้อของแพงๆใช้ ก็เลยซื้อให้

หยกชอบที่ว่า สามารถไปได้กับเสื้อผ้าทุกสี และสไตล์ก็เรียบๆ ไม่มีพวกเพชรอะไรแพรวพราว
แล้วพอมีคนบอกว่า สวยๆ เดวิดเค้าก็เลยพอใจ ว่าคิกถูกที่ซื้อให้..

อารมณ์ดีๆ.. กับวันว่างๆ

พอดีว่า ต้มข้าวโพดกิน แล้วเห็นว่า น้ำเยอะมาก (เพราะต้องให้ท่วมข้าวโพด)
ก็เลยเอาไข่ลงไปด้มด้วยซะเลย เพราะเวลาไม่มีอะไรกิน ก็เอามาเวฟแล้วก็กินได้เลย
ก็เลยต้มไข่ไปสี่ใบ..

พอเสร็จ ขี้เกียจแยกไว้ต่างหาก ก็เอาใส่ไว้ในช่องไข่ตามปกติ
แต่ก็กลัวจะงง ว่าอันไหนสุก อันไหนดิบ
ก็เลยคว้ามาร์คเกอร์มา กะว่า จะทำตำหนิไว้ให้รู้ว่า ต้ม

แต่ก็ว่า น่าเบื่อไป หรือเปล่า ถ้าจะแค่กากบาทเฉยๆ
ก็เลยวาดเป็นหน้าตาตลกๆ อารมณ์ต่างๆ..
จากสี่ใบที่ต้ม ก็เลยลามเป็นทุกใบที่อยู่ในตู้เย็น -__-'
แล้วจะแยกออกมั้ยเนี่ย ว่าอันไหนต้มไม่ต้ม (_ _')
ก็เลยแยกเป็นว่า สี่ใบแรก เป็นใบที่ต้มแล้ว ฮ่าๆๆ

สนุกดีเหมือนกัน :P

Frankenmuth

14 June 2010

ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า แพคของเสร็จก็ร่ำลา กลับมิชิแกน
พอข้ามบอร์เดอร์มา ก็งัด GPS เพื่อแวะไปช้อบที่ Birch Run Outlet
ทานมื้อกลางวันเสร็จ ก็แวะช้อป ที่ outlet ประมาณ 1-2 ชม.
แล้วก็ดิ้งไป Bronner's Christmas Wonderland
ชื่อก็บอกแล้วว่า เกี่ยวกับ คริสมาสต์ แต่ที่พิเศษคือ เป็นแหล่งขายของคริสมาสต์ที่ใหญ่ที่สุด
ตอนแรกก็คิดในใจว่า จะใหญ่แค่ไหนกันหนอ?

ประมาณ 10 นาที จาก outlet ก็มาถึง Bronner's
ถ่ายรูปด้านหน้า และประตูทางเข้า.. ตกแต่งได้อลังการมาก..

พอเข้ามาด้านในแล้ว แบบ.. ฮ้าาาาา... ว้าวววววว...
คือ ใหญ่มากกกกกกกกกกกกกก.. แล้วของต่างๆ เยอะแยะหลากหลายเต็มไปหมด
เดินได้ทั้งวันอ่ะ.. มีโน่นนี่นั่น แยกเป็นหมวดหมู่ เรียบร้อย


ที่นี่ ถ่ายรูปในร้านได้สบายๆ พนักงานไม่ว่าเลย (ตอนแรกก็กลัวๆอยู่ เพราะปกติเค้าไม่ให้ถ่ายหรอก)
พนักงานาคงเข้าใจอ่ะ ว่ามันน่าประทับใจ นอกจากของที่ขายแล้ว เค้าก็ตกแต่งส่วยต่างๆได้สวยดี

ไปเจอกระจกตลกๆ เลยได้รูปขำๆมา.. ขาใหญ่มากๆ


หลังจากเดินไปมา (ถ่ายรูปจนหนำใจ) ก็ได้ ของมา สามสี่อย่าง

ออกจาก Bronner's ก็แวะเข้าไปในตัวเมือง Frankenmuth
เมืองนี้จะเป็นเมืองสไตล์เยอรมัน ตึกรามบ้านช่องและการแต่งตัวของคนพื้นเมืองจะเป็นสไตล์เยอรมัน

ตัวเมืองรอบๆสวยและสะอาดมาก เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว ก็จะเห็นนักท่องเที่ยวเดินกันเป็นส่วนใหญ่

เดินถ่ายรูปเล่นรอบๆเมือง แล้วก็ได้เวลามื้อเย็น..

เลือกกินที่ Frahnders ที่ขึ้นชื่อเรื่องไก่ (อร่อย)
หลังจากดูเมนูแล้ว ก็เลือกกิน ชุด All You Can Eat
คือ กินเท่าไรก็ได้ ไม่จำกัด
ไม่เหมือนบุฟเฟต์ที่ว่า เค้าจะยกมาเสริฟที่โต๊ะ แทนที่เราจะเดินไปตักเอง
ก็จะมี Appetizer, Main Course, Dessert
รวมๆแล้วก็ ประมาณ 10-15 อย่างได้
จะยกมาให้หมดเลย อย่างละจาน แล้วเราชอบจานไหน ก็สั่งเพิ่มได้เรื่อยๆ
กินไม่หมดไม่ว่า แต่จานที่จะเพิ่ม ต้องกินหมดก่อนสั่งเพิ่ม
คนละ $19 ถือว่า ไม่แพงเลย..

หยกสั่งซุปมากินเพิ่ม เพราะอร่อยดี.. ส่วนไก่ที่ว่าขึ้นชื่อ ก็ยอมรับว่า ของเค้าอร่อยจริงๆ

กินๆไป เรื่มเหนื่อย จนอยากจะหลับคาจานเลย..

หลังกินมื้อเย็นเสร็จ ก็ออกไปเดินย่อยอีกรอบ ถ่ายรูปนิดหน่อย..

ประมาณ ทุ่มกว่าๆ ก็ดิ่งกลับบ้านที่แลนซิ่ง
หลังจาก unload ของเสร็จ ก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า โดดขึ้นเดียง
หลับอุตุกันทั้งผัวทั้งเมีย..

ปล. เจอแหวนแต่งงานแล้วนะ
เดวิดถอดวางไว้ในบ้าน แล้วลืมว่าตัวเองถอดแหวนไว้
หยกไปเจอเข้า กรี๋ดกร๊าดใหญ่
เพราะตอนแรกคิดว่า หายคราวนี้คงไม่ได้คืนแล้ว
ดีใจจังเลย Y^Y

เล่นไปเรื่อย..

13 June 2010

เช้า(มืด)นี้ตื่นมาพร้อมน้ำตา เพราะฝันร้าย..
ฝันว่าทำเค้กไป แต่เค้าไม่สนใจกัน
เค้าซื้อเค้กมาต่างหาก แล้วก็กินเค้กนั้น ไม่สนใจเค้กเรา
ร้องไห้ใหญ่เลย..
ตื่นมาพร้อมน้ำตา ร้องต่ออีกหน่อย แล้วก็นอนต่อ -_-'

ประมาณสายๆ ก็ทำซอสราดเค้ก โดยใช้สตรอเบอร์รี่ ที่ไปเก็บมาเมื่อวาน..
เสร็จก็อาบน้ำแต่งตัว ขับไปบ้านไดแอน

กินมื้อเที่ยงกันเรียบร้อย ก็ได้เวลาของหวาน ก็เค้กนั่นเอง
ก่อนเสริฟก็บีบวิปครีมราดหน้า แล้วประดับด้วยสตรอฯซื้อมา ลูกใหญ่เบิ้มมาก

เดือนนี้คนบ้านนี้เกิดเดือนเดียวกัน สี่คน
ก็เลยจัดกินเลี้ยงทีเดียวพร้อมๆกัน..

หลังกินเสร็จ ก็หาอะไรทำ เพื่อย่อยเสียหน่อย
เคอร์ทิสเล่นสเก็ตบอร์ดใหม่อยู่
ลุงเดวิดกะป้าหยกอยากลองดู ก็เลยขอลองเล่นดู
แรกๆก็ยากที่จะทรงตัว แต่พอลองไปเรื่อยๆ ก็เริ่มง่าย และสนุกดี


แล้วก็หันมาเล่นบาสเก็ตบอล เล่นอยู่ร่วมครึ่งชม. ก็หันกลับไปเล่นสเก็ตบอตต่อ
หาอะไรเล่นโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่ือยตลอดทั้งวัน สนุกดีนะ..


เหลือบไปเจองูปลอมที่เค้าเอามาแต่งสวน
ก็คว้ามาเล่น ขำกันใหญ่..

กลับบ้านมา ดู SAW V (ซื้อมา 3 แผ่น Saw I, V และ the Shutter)
คืนนั้นหลับเป็นตาย เพราะล้า..
โดยเฉพาะแขนกะน่อง ล้ามากๆ -___-'

คร่อก...

U Pick & 5 Pins

12 June 2010

เช้านี้อากาศอึมครึ้มๆ ร้อนอบอ้าว เหนียวๆหนึบ
แต่ก็ไม่ทำให้แพลนวันนี้ยกเลิก

อาบน้ำแต่งตัว ออกไปเก็บสตรอเบอร์รี่
ขับจากบ้านไปแค่สิบนาทีเท่านั้น
ถึงแล้ว Millar Berry Farms


ส่วนมาก จะพาลูกๆมาเก็บกัน
เราเอาตระกร้าไปเอง อันเล็กๆสองอัน (ตระกร้าที่นี่ขายอันละ 25cent)
เพราะไม่ได้ตั้งใจจะเอามาทำไรกินเท่าไร
ตั้งใจแค่ไปเอาประสบการณ์ (และถ่ายรูป ^^ ) เท่านั้นแหล่ะ


สตรอเบอร์รี่ที่นี่ ลูกไม่ใหญ่มาก เล็กๆ และเขียวๆ
แต่ถ้าหงุดๆแค่ไม่กี่นาที ก็ได้เต็มตระกร้าแล้ว

แล้วก็กลับไปที่ซุ้ม ชั่งนน. แล้วก็จ่ายตังค์
คิดปอนด์ละ $1.55 วันนั้นจ่ายไป $4 กว่าๆ
เก็บไว้ทำ สตรอเบอร์รี่ซอส สำหรับราดชีสเค้กพรุ่งนี้

หมายเหตุ : ห้ามใส่เสื้อผ้าสีอ่อน เช่นเสื้อหรือกางเกงสีขาว
ไปเก็บสตรอเบอร์รี่ เพราะเมื่อเปรอะน้ำสตรอเบอร์รี่แล้ว
จะซักไม่ออก Y_Y
(แต่คุณสามีซักๆ ด้วย bleach จนออกหมด ขอบคุณค่า Y^Y)

กลับถึงบ้านก็อาบน้ำ ออกไปเดินดู เฟอร์นิเจอร์เล่น
บ่ายๆ ก็ไปรับหลานๆเดวิด ออกไปโยนโบว์เล่นกัน
Freeway Bowling
มีคูปองเล่นฟรี 5 เกม แล้วรองเท้าก็ไม่ต้องเช่า เพราะหยกใส่ของแม่เดวิด
ส่วนเดวิดก็ใส่คู่เก่าของพ่อเค้า ก็เลยเซฟเงินไปได้เยอะอยู่
ด้านในเป็นแบบเรืองแสง และเปิดเพลงได้ถูกใจโจ๋มากๆ (ผิดกับที่แลนซิ่ง)

เพราะเล่นกับเด็กๆ ก็เลยเลือกเล่นแบบ 5 pins
ซึ่งจะใช้โบว์ลิ่งลูกเล็กๆ


แรกๆไม่ค่อยถนัด แต่เล่นๆไป เออ สนุกดีนะ
สังเกต หยก (YOKI) ได้สไตรค์ติดกันสามครั้งเลยทีเดียว ^^

บอลลูกเล็กขนาด ถือมือเดียวได้สบายๆ (แต่ก็หนักอยู่นะ)

ก่อนกลับเข้าไปถ่ายรูปเล่นในส่วนของ Mini Golf ซึ่งก็ทำเป็นแบบ เรืองแสง

หลังจบเกม ก็กลับไปกินมื้อเย็นแถวบ้านพี่สาวเดวิด
เดินไปกิน Wendy's กันคนละชุด
หยกสั่ง Boneless Wings Chipotle
ขอบอกว่า เผ็ดถูกใจมากกกก... อร่อย

หลังมื้อเย็น อยู่เล่นกะหลานๆ ที่ลานหน้าบ้านซักพัก
(หยกเล่นตีแบดกับแคทลีน ส่วนเดวิดเล่นเตะบอลกะแพทริค)
ประมาณ สองทุ่ม ก็กลับบ้านมาทำชีสเค้กสำหรับพรุ่งนี้..

เข้านอนเที่ยงคืน..