เป็นธรรมเนียมไปแล้ว
ว่าอาทิตย์สุดท้ายของเดือน
หยกจะเอาอาหารที่ทำในแต่ละเดือนนั้นๆมาลง
มาๆ มาดูกันว่า เดือนเมษานี้ หยกทำอะไรกินบ้าง..
ปีก-น่องไก่อบนิวออร์ลีน
ชอบกินไก่นิวออร์ลีน ที่พิซซ่าฮัท
ก็เลยหาสูตรมาลองทำเองดู
อาจจะออกมาไม่เหมือนเท่าไร แต่อร่อยระดับหนึ่ง
หยกทำกินเรื่อยๆ แต่เพิ่งจะได้ถ่ายรูปมาลง
หยกเน้นเผ็ดหน่อย ก็เลยใส่พริกป่นเยอะกว่าตามสูตร
ไก่ผู้พัน
วันนั้นขี้เกียจทำอะไรกิน (เพราะใจตู้เย็นไม่มีอะไรจะทำกิน)
ก็เลยโทรให้คุณสามีเเวะซื้อ KFC มากินที่บ้านกัน
ได้มา bucket ใหญ่ กินไปครึ่ง เก็บไว้ครึ่ง
เย็นวันต่อมาก็อุ่นกินกัน (กรอบกว่าตอนซื้อมาจากร้านอีก)
ตอนอุ่นไก่ เกรียมนิดหน่อย ควันไหม้ ทำให้เครื่องป้องกันไฟ ดัง
ดังมาก..ไอ้เราก็ตกใจ ทำไรไม่ถูก (จริงๆไม่รู้ด้วยว่า เกิดอะไรขึ้น)
คุณสามีก็ยืนบนเก้าอี้ แล้วถอด เอาออกไปข้างนอก
ดีนะ ที่เค้าอยู่ ถ้าเราอยู่คนเดียว ก็ทำอะไรไม่ถูกหรอก
แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าต้องทำไง (ไม่ทำอาหารไหม้ไง มันจะได้ไม่ร้อง ฮา..)
Tortilas
ไม่รู้เรียกงี้เปล่านะ
ซื้อแป้งมานานแสนนาน.. ไม่ค่อยได้ทำกิน
นานๆกินทีก็อร่อยดี
ทำกินคนเดียวสองรอบแล้ว คุณสามียังไม่มีโอกาสได้กินเลย
โทษทีน๊า ผัวขา..
ยำวุ้นเส้น..อีกแล้ว
ขาดไม่ได้จริงๆ ต้องทำกินอย่างน้อยเดือนละครั้ง
อร่อย.. T^T
บล็อกโคสี่ชีสซุป
ไปได้กินที่ ชิคาโก้มา ชอบมาก..
ก็เลยไปหาซื้อมาลองทำดู
เป็นซุปสำเร็จกระป๋องนะ เอามาเติมนมเพิ่ม
และสับบล็อกโคลี่และเนื้อไก่เพิ่มหน่อย
ก็อร่อยได้ใจ.. ไว้ว่าจะทำอีก..
Spare Ribs
คุณแม่สามีทำให้กินเมื่อตอนไปพักอยู่กับเค้า (อร่อยมากกกก..)
แล้วไปเจอซีโครงลดราคามาแถวยาวๆ ก็เลยซื้อมา
ครึ่งแถวทำได้สองที่..
ทำไม่ยุ่งยาก แต่ใช้เวลานาน มื้อนั้นใช้เวลา สามชม. ในการอบ
กว่าจะได้กิน แต่กินแล้ว คุ้มที่ทำอีก ^^
(เห็นดำๆ แต่ไม่ไหม้นะ เข้มเพราะซอสน่ะ)
สลัดน้ำข้น
เดวิดบ่นอยากกินสลัดมานาน หยกก็อยากทำนะ
สลัดเหมือนจะไม่ยุ่งยาก แต่จริงๆแล้ว ไม่ใช่ว่าจะทำเมื่อไรก็ได้
เพราะหยกไม่ค่อยมีผักติดบ้านไว้เท่าไร ก็เลยไม่ได้ทำกินกันเสียที
ได้สูตรน้ำสลัดจากในเน็ต ก็มาลองทำดู(ซื้อเอาก็ได้ แต่ก็เลือกจะทำเอง)
น้ำสลัดทำได้ไม่ยากเลย ใส่ทุกอย่างลงเครื่องปั่น ก็เสร็จ คุณสามีชมเปาะ อร่อย..
pork chops
สลัดมื้อนั้น กินคู่กับหมูอบ และ fish fingers
สลัดกับ fish fingers เข้ากันได้ดีนะ อร่อย
ไว้คราวหน้า ต้องไม่ลืม ไข่ต้มด้วย..
มาถึงของหวาน..
ชีสเค้ก
ได้สูตรมานานแล้ว แต่ไม่ได้ทำเสียที
เพราะต้องใช้พิมพ์เค้กที่ถอดตูดได้
วันนั้นตั้งใจว่า จะทำแน่ๆ ลงทุนปั่นจีกรยานไปซื้อพิมพ์เลยทีเดียว
แล้วก็ได้ทำกินจนได่ ว๊ะ ฮ่า ฮ่า..
มินิเค้ก
เพราะทำถาดใหญ่ (8") แล้วมันไม่สำเร็จ (รอบๆไหม้ แต่ตรงกลางไม่สุก)
ก็เลยลองทำอันเล็กดู น่าจะง่ายกว่า และก็จริง
ครึ่งกล่อง ทำได้ สี่ก้อนเล็ก (ใส่สี่ 4 สีไปเลย ฮ่าๆๆ)
เสร็จแต่งหน้าด้วยวิปครีม และเครื่องต่างๆ
คุณสามีถูกใจ เพราะกินก้อนเล็กไม่รู้สึกกดดันเท่ากินก้อนใหญ่ๆ
หยกกินคนเดียว ทีละก้อน ฮา..
สาคูไส้หมู
ตั้งใจจะทำกินตั้งนานละ (ตั้งแต่ได้หัวไชโป๊มาน่ะล่ะ)
แต่ไม่ได้ทำกินเสียที ติดโน่นนี่นั่น
จนเมื่อวาน อารมณ์ว่างๆ ก็เลยทำกินดู
อร่อยใช้ได้ ทำไม่ยากด้วย
ติดแต่ว่า ปั้นเม็นสาคูหนาไปหน่อย
คราวหน้าต้องแผ่ให้บางๆ จะได้ไม่เคี้ยวยากอย่างคราวนี้
รอพบกันอีกที สิ้นเดือนหน้านะจ๊ะ..
.. เรื่องเล่าเล็กๆ ของถั่วลันเตาเขียวๆ..
นอกจากเรื่องเล่าต่างๆ รอบๆตัวเรา ที่หยกนำมาเล่าสู่กันฟังแล้ว
ก็ฟังเพลงเพราะๆ ความหมายดีๆ ประกอบไปด้วย..
คงช่วยให้วันหรือช่วงเวลาที่น่าเบื่อของคุณ ดีขึ้นบ้างล่ะ..เนาะ ^^
ก็ฟังเพลงเพราะๆ ความหมายดีๆ ประกอบไปด้วย..
คงช่วยให้วันหรือช่วงเวลาที่น่าเบื่อของคุณ ดีขึ้นบ้างล่ะ..เนาะ ^^
26.4.10
23.4.10
Pennslyvania..
เพราะคุณสามีจะเรียนจบเดือนพค นี้
หลังปีใหม่มา คุณสามีเริ่มส่งใบresume
เพื่อสมัครงานไปตามมหาลัยต่างๆ ที่เลือกไว้
ก็มีการติดต่อ ขอสัมภาษณ์จริงจังอยู่สองที่
คือที่ Kamloops, BC Canada
กับที่ Selinsgrove, PA USA
เริ่มจากการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์
ต่อด้วย วีดีโอ และจบที่การดูตัว
(คือเชิญให้ไปที่มหาลัย โดยทางเค้าออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด)
ขั้นสุดท้ายที่ว่า เชิญไปดูตัวเนี่ย หมายถึงโอกาสได้งานที่นั้นๆจะสูงมาก
หลังจากกลับมา ก็ต้องเลือกแล้วว่าจะทำที่ไหนดี
เพราะสองที่ มีข้อดีข้อเสีย ก่ำกึ่งกันนิดหน่อย
เปรียบได้ดังนี้..
มหาลัย
BC - เพิ่งจะอัพเกรดจาก college เป็น University เมื่อไม่กี่ปี
กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยขยายพิ้นที่ สร้างตึกใหม่ๆเพิ่ม
คุณสามีว่า มหาลัยไม่ค่อยน่าอยู่เท่าไร เพราะตัดต้นไม้(ที่ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว)
และสร้างตึกใหม่ๆ ที่ไม่ได้เข้ากับตึกเก่าเท่าไร
PA - เป็นมหาลัยเล็กๆ แต่น่าอยู่มาก
ต้นไม่้เยอะ(มากๆ) ตึกเป็นตึกสไตล์เก่า ที่เข้าเซตกัน
ดูโดยรวมแล้ว อารมณ์เดียวกับ MSU
(MSU เป็นมหาสัยที่เดวิดเรียนอยู่ และน่าอยู่ หยกยังชอบเลย)
ค่าตอบแทน (Salary)
บอกก่อนว่าที่นี่เค้าให้เป็นโดยรวมรายปี แต่แบ่งจ่ายเป็นเดือน
เช่น ตกลงกันที่ $60,000 หมายถึง ถ้าสัญญาทำ 12 เดือนต่อปี
ก็จะแบ่งจ่ายเป็น เดือนละ $5,000
แต่ถ้าสัญญาทำงาน 9 เดือนต่อปี
ก็จะแบ่งจ่ายเป็น เดือนละ $6,666 ต่อเดือน เข้าใจนะ?
BC- ให้สูงน่าพอใจ (จนน่าตกใจ) คิดเป็นปี เต็ม 12 เดือน
แต่ถ้าหักภาษีแล้ว ก็คงไม่ต่างจากที่ PA มาเท่าไร
เพราะภาษีที่นี่ มากกว่าที่เมกาประมาณเท่าตัว
PA- ให้น้อยกว่า (จนน่าตกใจเหมือนกัน ฮ่าๆๆ)
แต่สอนแค่ 9 เดือน ส่วนช่วง summer ที่ มหาลัยปิดเค้าไม่ได้จ่ายให้
ถ้าไม่อยากอยู่เฉยๆ ก็ต้องหางานพิเศษทำเอง
ซึ่งคุณสามีแพลนไว้ว่า จะจัดทริปพานศ. ไปดูงานตามประเทศต่างๆ
เที่ยวไปด้วยในตัว แต่คงเน้นไปที่ไทย เพราะหยกจะได้กลับบ้านด้วย
ถ้าไปได้ดี ก็จะได้กลับบ้านทุกปี หรือบ่อยกว่าที่คิดไว้
เมือง
BC- Kamloops เป็นเมืองใหญ่กว่าที่ PA นะ แต่ก็ไม่ได้หรูหราอะไรมาก
สภาพโดยรวมแล้ว เหมือนทะเลทราย หญ้าแห้งๆ ต้นไม้ไม่ค่อยมี
เป็นเขาโล้นๆ พิ้นก็จะเป็นคลื่นๆ ขึ้นลงเขา ห่างไกลจากเมืองอื่นๆ
PA- Selinsgrove เป็นเมืองเล็กๆ ไม่มีอะไรเท่าไร
โดยรวมแล้ว เป็นเมืองที่น่าอยู่ใช้ได้
แต่ไม่มีรถบัส จะไปไหนก็ต้องไปด้วยตัวเอง รถส่วนตัว
แต่ไม่ไกลจากเมืองใหญ่อื่นๆ
สามารถขับไปเที่ยวเมืองอื่นๆที่น่าสนใจอย่าง นิวยอร์กได้
บ้าน
BC - มีให้เลือกเยอะ เพราะเมืองค่อนข้างโตขึ้นเรื่อยๆ
ก็จะมีบ้านปลูกใหม่เพิ่มขึ้น แต่ราคาสูงมาก..
ถ้าไม่เอาแบบขอไปที เอาดีหน่อยๆ ก็ $300k ขึ้นไป
PA - ไม่ค่อยมีตัวเลือกมากนัก
บ้านจะเป็นบ้านเก่า สไตล์เก่า แต่ราคาไม่แพงมากนัก
ถ้าจะซื้อบ้าน คงไม่ซื้อในเมือง Selinsgrove
แต่คงเป็นเมืองใกล้แทน แล้วขับรถมาทำงานเอา (10-20นาที)
เดินทาง
BC - ถ้าจะกลับบ้านที่แคนาดา คงต้องนั่งเครื่อง ซึ่งค่าใช้จ่ายจะสูงหน่อย
คงกลับไม่ได้บ่อยอย่างที่เคย
ถ้าจะกลับบ้านที่ไทย ก็คงต้องขับไปขึ้นเครื่องที่แวนคูเวอร์
ซึ่งใช้เวลา 8-9 ชม เลยทีเดียว
PA - สามารถขับกลับไป londonได้ โดยผ่านทาง บอร์เดอร์ที่บัฟฟาโล่
นอกจากนี้ ก็แวะหาเพื่อนที่ แฮมิลตัน โตรอนโต้
หรือแวะเที่ยวที่ น้ำตกไนแองการ่าได้
กลับบ้านที่ไทย ก็ขึ้นเครื่องที่ นิวยอร์กได้
ซึ่งจะมีหลายเที่ยวบินให้เลือก ขับไปแค่ไม่กี่ชม.
จุดเด่น
BC - ถ้าชอบหน้าหนาว หรือกีฬาฤดูหนาว
ก็จะชอบที่นี่ เพราะพิ้นที่เป็นเขา กีฬาอย่างสกี หรือสโนวบอร์ด จะเหมาะ
ถ้าไม่ใช่หน้าหนาว ก็จะเป็น ปีนเขา ตกปลา หรือจักรยาน
PA - ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ แต่สามารถทำอะไรได้ตลอดทั้งปี
มีความเปลี่ยนแปลงครบทั้ง4ฤดู ของ ใบไม้ผลิ หน้าร้อน ใบไม้ร่วง หนาว
ซึ่งแต่ละฤดูจะมีสเน่ห์ต่างกันไป (เหมาะกับการถ่ายรูป)
ถึงจะอยู่เมืองเล็ก แต่เดินทางไปเมืองใหญ่ๆได้สะดวก
ไม่มีปัญหา หากต้องเข้าเมืองเพื่อซื้อของ วีค หรือเดือนละครั้ง
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ก็ถึงกำหนดที่ต้องเลือก
เมื่อเช้าคุณสามีโทรกลับไป PA
ตอบรับงานที่มหาลัย ใน Pennsylvania
และส่ง อีเมลล์ไปแจ้งว่ารับงานแล้ว และขอถอนตัวจากผู้สมัคร
เพื่อที่ มหาลัยนั้นๆ ได้ทำการเลือกคนอื่นต่อไป..
นั่นหมายความว่า หยกและเดวิด อยู่เมกาต่อ
แต่ย้ายจาก มิชิแกน ไป เพนซิลเวนเนีย
ยังไม่แน่ใจว่าเมื่อไรแน่นอน
แต่คงเป็นเดือน มิย.
เด๋วกลับบ้านคราวนี้ เปลี่ยนจากแผนที่ว่า ต้องขอวีซ่าถาวร
เป็นขอ Multiple Visa ของแคนาดาอีกรอบ
แต่คราวนี้จะขอแบบเต็มลิมิต คือหมดอายุพาสปอร์ตก็ประมาณ 4 ปี
ส่วนวีซ่าเมกา ก็ต้องเปลี่ยนด้วย
(ทั้งๆที่หมดอายุ 2014 แต่เปลี่ยนสถานะ ก็ต้องเปลี่ยนวีซ่า)
คุณสามีก็ต้องขอวีซ่าเหมือนกัน เป็นวีซ่าทำงาน
หยกก็จะถูกแอดชื่อไปด้วยในฐานะคู่สมรส
ต้องดูอีกทีว่า ทางมหาลัยดำเนินการให้ยังไง
(เค้าว่าจะส่งเอกสารมาให้อีกที)
ตอนนี้ก็ต้องแจ่งข่าวให้ครอบครัว และเพื่อนๆได้ทราบกัน..
ไปละ..ต้องบอกข่าวกับพ่อแม่ก่อน..
ปล. ภูมิใจตัวสามีมากๆ เพราะในขณะที่คนหลายคนต้องเสียงาน(ถูกปลด)
หรือหางานร่วมปี ก็ยังไม่ได้ เพราะก็รู้ๆกันอยู่ เศรษฐกิจอย่างนี้..
แต่คุณสามีก็มีงานมาเสนอให้ถึงสองที่เลยทีเดียว..
สุดยอดเลยผัวขา ฮ่าๆๆ
หลังปีใหม่มา คุณสามีเริ่มส่งใบresume
เพื่อสมัครงานไปตามมหาลัยต่างๆ ที่เลือกไว้
ก็มีการติดต่อ ขอสัมภาษณ์จริงจังอยู่สองที่
คือที่ Kamloops, BC Canada
กับที่ Selinsgrove, PA USA
เริ่มจากการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์
ต่อด้วย วีดีโอ และจบที่การดูตัว
(คือเชิญให้ไปที่มหาลัย โดยทางเค้าออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด)
ขั้นสุดท้ายที่ว่า เชิญไปดูตัวเนี่ย หมายถึงโอกาสได้งานที่นั้นๆจะสูงมาก
หลังจากกลับมา ก็ต้องเลือกแล้วว่าจะทำที่ไหนดี
เพราะสองที่ มีข้อดีข้อเสีย ก่ำกึ่งกันนิดหน่อย
เปรียบได้ดังนี้..
มหาลัย
BC - เพิ่งจะอัพเกรดจาก college เป็น University เมื่อไม่กี่ปี
กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยขยายพิ้นที่ สร้างตึกใหม่ๆเพิ่ม
คุณสามีว่า มหาลัยไม่ค่อยน่าอยู่เท่าไร เพราะตัดต้นไม้(ที่ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว)
และสร้างตึกใหม่ๆ ที่ไม่ได้เข้ากับตึกเก่าเท่าไร
PA - เป็นมหาลัยเล็กๆ แต่น่าอยู่มาก
ต้นไม่้เยอะ(มากๆ) ตึกเป็นตึกสไตล์เก่า ที่เข้าเซตกัน
ดูโดยรวมแล้ว อารมณ์เดียวกับ MSU
(MSU เป็นมหาสัยที่เดวิดเรียนอยู่ และน่าอยู่ หยกยังชอบเลย)
ค่าตอบแทน (Salary)
บอกก่อนว่าที่นี่เค้าให้เป็นโดยรวมรายปี แต่แบ่งจ่ายเป็นเดือน
เช่น ตกลงกันที่ $60,000 หมายถึง ถ้าสัญญาทำ 12 เดือนต่อปี
ก็จะแบ่งจ่ายเป็น เดือนละ $5,000
แต่ถ้าสัญญาทำงาน 9 เดือนต่อปี
ก็จะแบ่งจ่ายเป็น เดือนละ $6,666 ต่อเดือน เข้าใจนะ?
BC- ให้สูงน่าพอใจ (จนน่าตกใจ) คิดเป็นปี เต็ม 12 เดือน
แต่ถ้าหักภาษีแล้ว ก็คงไม่ต่างจากที่ PA มาเท่าไร
เพราะภาษีที่นี่ มากกว่าที่เมกาประมาณเท่าตัว
PA- ให้น้อยกว่า (จนน่าตกใจเหมือนกัน ฮ่าๆๆ)
แต่สอนแค่ 9 เดือน ส่วนช่วง summer ที่ มหาลัยปิดเค้าไม่ได้จ่ายให้
ถ้าไม่อยากอยู่เฉยๆ ก็ต้องหางานพิเศษทำเอง
ซึ่งคุณสามีแพลนไว้ว่า จะจัดทริปพานศ. ไปดูงานตามประเทศต่างๆ
เที่ยวไปด้วยในตัว แต่คงเน้นไปที่ไทย เพราะหยกจะได้กลับบ้านด้วย
ถ้าไปได้ดี ก็จะได้กลับบ้านทุกปี หรือบ่อยกว่าที่คิดไว้
เมือง
BC- Kamloops เป็นเมืองใหญ่กว่าที่ PA นะ แต่ก็ไม่ได้หรูหราอะไรมาก
สภาพโดยรวมแล้ว เหมือนทะเลทราย หญ้าแห้งๆ ต้นไม้ไม่ค่อยมี
เป็นเขาโล้นๆ พิ้นก็จะเป็นคลื่นๆ ขึ้นลงเขา ห่างไกลจากเมืองอื่นๆ
PA- Selinsgrove เป็นเมืองเล็กๆ ไม่มีอะไรเท่าไร
โดยรวมแล้ว เป็นเมืองที่น่าอยู่ใช้ได้
แต่ไม่มีรถบัส จะไปไหนก็ต้องไปด้วยตัวเอง รถส่วนตัว
แต่ไม่ไกลจากเมืองใหญ่อื่นๆ
สามารถขับไปเที่ยวเมืองอื่นๆที่น่าสนใจอย่าง นิวยอร์กได้
บ้าน
BC - มีให้เลือกเยอะ เพราะเมืองค่อนข้างโตขึ้นเรื่อยๆ
ก็จะมีบ้านปลูกใหม่เพิ่มขึ้น แต่ราคาสูงมาก..
ถ้าไม่เอาแบบขอไปที เอาดีหน่อยๆ ก็ $300k ขึ้นไป
PA - ไม่ค่อยมีตัวเลือกมากนัก
บ้านจะเป็นบ้านเก่า สไตล์เก่า แต่ราคาไม่แพงมากนัก
ถ้าจะซื้อบ้าน คงไม่ซื้อในเมือง Selinsgrove
แต่คงเป็นเมืองใกล้แทน แล้วขับรถมาทำงานเอา (10-20นาที)
เดินทาง
BC - ถ้าจะกลับบ้านที่แคนาดา คงต้องนั่งเครื่อง ซึ่งค่าใช้จ่ายจะสูงหน่อย
คงกลับไม่ได้บ่อยอย่างที่เคย
ถ้าจะกลับบ้านที่ไทย ก็คงต้องขับไปขึ้นเครื่องที่แวนคูเวอร์
ซึ่งใช้เวลา 8-9 ชม เลยทีเดียว
PA - สามารถขับกลับไป londonได้ โดยผ่านทาง บอร์เดอร์ที่บัฟฟาโล่
นอกจากนี้ ก็แวะหาเพื่อนที่ แฮมิลตัน โตรอนโต้
หรือแวะเที่ยวที่ น้ำตกไนแองการ่าได้
กลับบ้านที่ไทย ก็ขึ้นเครื่องที่ นิวยอร์กได้
ซึ่งจะมีหลายเที่ยวบินให้เลือก ขับไปแค่ไม่กี่ชม.
จุดเด่น
BC - ถ้าชอบหน้าหนาว หรือกีฬาฤดูหนาว
ก็จะชอบที่นี่ เพราะพิ้นที่เป็นเขา กีฬาอย่างสกี หรือสโนวบอร์ด จะเหมาะ
ถ้าไม่ใช่หน้าหนาว ก็จะเป็น ปีนเขา ตกปลา หรือจักรยาน
PA - ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ แต่สามารถทำอะไรได้ตลอดทั้งปี
มีความเปลี่ยนแปลงครบทั้ง4ฤดู ของ ใบไม้ผลิ หน้าร้อน ใบไม้ร่วง หนาว
ซึ่งแต่ละฤดูจะมีสเน่ห์ต่างกันไป (เหมาะกับการถ่ายรูป)
ถึงจะอยู่เมืองเล็ก แต่เดินทางไปเมืองใหญ่ๆได้สะดวก
ไม่มีปัญหา หากต้องเข้าเมืองเพื่อซื้อของ วีค หรือเดือนละครั้ง
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ก็ถึงกำหนดที่ต้องเลือก
เมื่อเช้าคุณสามีโทรกลับไป PA
ตอบรับงานที่มหาลัย ใน Pennsylvania
และส่ง อีเมลล์ไปแจ้งว่ารับงานแล้ว และขอถอนตัวจากผู้สมัคร
เพื่อที่ มหาลัยนั้นๆ ได้ทำการเลือกคนอื่นต่อไป..
นั่นหมายความว่า หยกและเดวิด อยู่เมกาต่อ
แต่ย้ายจาก มิชิแกน ไป เพนซิลเวนเนีย
ยังไม่แน่ใจว่าเมื่อไรแน่นอน
แต่คงเป็นเดือน มิย.
เด๋วกลับบ้านคราวนี้ เปลี่ยนจากแผนที่ว่า ต้องขอวีซ่าถาวร
เป็นขอ Multiple Visa ของแคนาดาอีกรอบ
แต่คราวนี้จะขอแบบเต็มลิมิต คือหมดอายุพาสปอร์ตก็ประมาณ 4 ปี
ส่วนวีซ่าเมกา ก็ต้องเปลี่ยนด้วย
(ทั้งๆที่หมดอายุ 2014 แต่เปลี่ยนสถานะ ก็ต้องเปลี่ยนวีซ่า)
คุณสามีก็ต้องขอวีซ่าเหมือนกัน เป็นวีซ่าทำงาน
หยกก็จะถูกแอดชื่อไปด้วยในฐานะคู่สมรส
ต้องดูอีกทีว่า ทางมหาลัยดำเนินการให้ยังไง
(เค้าว่าจะส่งเอกสารมาให้อีกที)
ตอนนี้ก็ต้องแจ่งข่าวให้ครอบครัว และเพื่อนๆได้ทราบกัน..
ไปละ..ต้องบอกข่าวกับพ่อแม่ก่อน..
ปล. ภูมิใจตัวสามีมากๆ เพราะในขณะที่คนหลายคนต้องเสียงาน(ถูกปลด)
หรือหางานร่วมปี ก็ยังไม่ได้ เพราะก็รู้ๆกันอยู่ เศรษฐกิจอย่างนี้..
แต่คุณสามีก็มีงานมาเสนอให้ถึงสองที่เลยทีเดียว..
สุดยอดเลยผัวขา ฮ่าๆๆ
22.4.10
ทำเอง ใช้เอง..ก็ได้
ตั้งแต่คุณสามีซื้อ laptop ให้เมื่อคริสมาสที่แล้ว
หยกยังไม่มีกระเป๋าใส่ laptop เลย
อาจเพราะเราไม่ได้แบกเอาไปไหนมาไหนด้วย
ก็เลยไม่ได้จำเป็นว่าต้องมี..
แต่เมื่อตอนไปชิคาโก้
หยกเอา laptop ไปด้วย..
ก็เลยเกิดความลำบากนิดหน่อย
เพราะไม่มีกระเป๋า ก็เลยต้องฝากยัดในกระเป๋าของคุณสามี
ซึ่งไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะเค้าออกแบบมาให้แค่เครื่องเดียวไง
มันก็เลยบวมๆหน่อย และเสี่ยงต่อความเสียหาย (สายขาดไง)
หยกมีกระเป๋าสะพาย ใบใหญ่ขนาดใส่ laptop ได้นะ
แต่ไม่มี เคสบางๆ สำหรับป้องกันรอยข่วน
ระหว่าง คอมฯกับของในกระเป๋า
ก็ไปเดินๆดูมาเหมือนกันนะ
แต่เห็นราคาแล้ว ไม่ไหว แพงไปหน่อย..
(เป็นบ้านเรา แถวพันทิพ ก็ไม่กี่ร้อย..)
แต่บังเอิญไปเสิร์จเจอในเน็ต
ก็เลยคิดได้ว่า เออ เราทำไว้ใช้เองก็ได้นี่หว่า..
ก็เลยออกไปซื้อไหมมาทำ
เค้าแนะนำให้ใช้ cotton 100%
เพราะมันจะเหนียว และทนทานกว่าไหมถักเสื้อหรือผ้าพันคอ
ที่เน้นแค่นุ่มและอุ่นเท่านั้น..
ก็ได้ไหมของ sugar 'n cream มา
เป็นไหมม้วนเล็กๆ แข็งกว่าไหมทั่วไปหน่อย..
Michaels ลดราคากระหน่ำพอดี
ปกติ $1.79 ลดเหลือแค่ $1
แต่เหลือไม่กี่สีเท่านั้นเอง..
ไอ้หยกไปเหมามาสองสามรอบ
ตอนนี้มีเป็นสินใจเลย ฮ่าๆๆๆ
หาดูแพทเทิร์นตัวอย่างว่าต้องทำไง
แล้วก็กะขนาดให้พอดีกับคอมของเรา
ก็ด้นสดกันไป.. ไม่ได้ทำตามแพทเทิร์นตลอด..
ใช้เวลาไม่ถึงอาทิตย์ ก็ได้เสร็จออกมารูปร่างหน้าตาดังนี้..
ด้านหน้า..
ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะติดตีนตุ๊กแก หรือติดซิปดีหนอ??
ด้านข้าง-หลัง
รอยต่อยังไม่เนียน หรือสวยเท่าไร ถ้าหัดบ่อยๆ คงสม่ำเสมอและสวยกว่านี้
กับน้องเดลสุดรักสุดหวง..
ใกล้อีกนิด..
ใช้ไหมทั้งหมด ไม่ถึง 4 ม้วน สรุปโปรเจคนี้ราคาไม่เกิน $4 :D
อันนี้เป็น laptop case ดีสำหรับใช้กับกระเป๋าสะพาย ที่ไม่ใช่กระเป๋าคอม
หรือใช้กับ กระเป๋า carry on ตอนเดินทาง
กะว่า ไว้ว่างๆ หรือวาดแพทเทิร์น และเลือกสีได้แล้ว
ว่าจะถักกระเป๋าสะพายซักอัน.. เอาแบบติดผ้าข้างในด้วย
จะทำให้ไม่ยืด หรือย้วยตามน้ำหนัก เวลาสะพาย และเเข็งแรงมากขึ้น
แต่ก็คงต้องรอได้จักรก่อน เพราะจะทำง่ายขึ้น..
ว่าแต่.. เมื่อไรตูจะได้จักรล่ะ?
ปล. คุณสามีตกลงจะซื้อจักรให้แล้วแหล่ะ
เพียงแต่ว่า ยังไม่รู้่จะเอาของอะไร รุ่นไหน เท่านั้นเอง..
หยกยังไม่มีกระเป๋าใส่ laptop เลย
อาจเพราะเราไม่ได้แบกเอาไปไหนมาไหนด้วย
ก็เลยไม่ได้จำเป็นว่าต้องมี..
แต่เมื่อตอนไปชิคาโก้
หยกเอา laptop ไปด้วย..
ก็เลยเกิดความลำบากนิดหน่อย
เพราะไม่มีกระเป๋า ก็เลยต้องฝากยัดในกระเป๋าของคุณสามี
ซึ่งไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะเค้าออกแบบมาให้แค่เครื่องเดียวไง
มันก็เลยบวมๆหน่อย และเสี่ยงต่อความเสียหาย (สายขาดไง)
หยกมีกระเป๋าสะพาย ใบใหญ่ขนาดใส่ laptop ได้นะ
แต่ไม่มี เคสบางๆ สำหรับป้องกันรอยข่วน
ระหว่าง คอมฯกับของในกระเป๋า
ก็ไปเดินๆดูมาเหมือนกันนะ
แต่เห็นราคาแล้ว ไม่ไหว แพงไปหน่อย..
(เป็นบ้านเรา แถวพันทิพ ก็ไม่กี่ร้อย..)
แต่บังเอิญไปเสิร์จเจอในเน็ต
ก็เลยคิดได้ว่า เออ เราทำไว้ใช้เองก็ได้นี่หว่า..
ก็เลยออกไปซื้อไหมมาทำ
เค้าแนะนำให้ใช้ cotton 100%
เพราะมันจะเหนียว และทนทานกว่าไหมถักเสื้อหรือผ้าพันคอ
ที่เน้นแค่นุ่มและอุ่นเท่านั้น..
ก็ได้ไหมของ sugar 'n cream มา
เป็นไหมม้วนเล็กๆ แข็งกว่าไหมทั่วไปหน่อย..
Michaels ลดราคากระหน่ำพอดี
ปกติ $1.79 ลดเหลือแค่ $1
แต่เหลือไม่กี่สีเท่านั้นเอง..
ไอ้หยกไปเหมามาสองสามรอบ
ตอนนี้มีเป็นสินใจเลย ฮ่าๆๆๆ
หาดูแพทเทิร์นตัวอย่างว่าต้องทำไง
แล้วก็กะขนาดให้พอดีกับคอมของเรา
ก็ด้นสดกันไป.. ไม่ได้ทำตามแพทเทิร์นตลอด..
ใช้เวลาไม่ถึงอาทิตย์ ก็ได้เสร็จออกมารูปร่างหน้าตาดังนี้..
ด้านหน้า..
ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะติดตีนตุ๊กแก หรือติดซิปดีหนอ??
ด้านข้าง-หลัง
รอยต่อยังไม่เนียน หรือสวยเท่าไร ถ้าหัดบ่อยๆ คงสม่ำเสมอและสวยกว่านี้
กับน้องเดลสุดรักสุดหวง..
ใกล้อีกนิด..
ใช้ไหมทั้งหมด ไม่ถึง 4 ม้วน สรุปโปรเจคนี้ราคาไม่เกิน $4 :D
อันนี้เป็น laptop case ดีสำหรับใช้กับกระเป๋าสะพาย ที่ไม่ใช่กระเป๋าคอม
หรือใช้กับ กระเป๋า carry on ตอนเดินทาง
กะว่า ไว้ว่างๆ หรือวาดแพทเทิร์น และเลือกสีได้แล้ว
ว่าจะถักกระเป๋าสะพายซักอัน.. เอาแบบติดผ้าข้างในด้วย
จะทำให้ไม่ยืด หรือย้วยตามน้ำหนัก เวลาสะพาย และเเข็งแรงมากขึ้น
แต่ก็คงต้องรอได้จักรก่อน เพราะจะทำง่ายขึ้น..
ว่าแต่.. เมื่อไรตูจะได้จักรล่ะ?
ปล. คุณสามีตกลงจะซื้อจักรให้แล้วแหล่ะ
เพียงแต่ว่า ยังไม่รู้่จะเอาของอะไร รุ่นไหน เท่านั้นเอง..
12.4.10
In Another Life..
หยกไปได้ฟังเพลงนี้โดยบังเอิญแล้วรู้สึกว่า
เฮ้ย.. เพราะดีนะ และความหมายดีด้วย
เมื่อรักแล้ว ไม่ได้รู้้สึกอย่างที่ควรรู้สึก
เพราะมีแต่ เจ็บปวด ทรมาน เศร้า วิตก หรืออะไรก็แล้วแต่..
เมื่อรู้ตัวว่า ไม่ไหวแล้ว.. ก็ควรถอยออกมา..
บางครั้ง แค่รัก อย่างเดียวมันก็ไม่พอ..
In Another Life : The Veronicas
I have known you my whole life
When you were ten, you said you'd make me your wife
Eight years later you won me over
Just as I took the world on my shoulders
I got used to living without you
Endless phone calls and dreaming about you
Always said that you were my man to be
But I guess I was in love with your memory
You know I love you, I really do
But I can't fight anymore for you
And I don't know, maybe we'll be together again
Sometime, in another life
In another life
I know I said that I would keep my word
I wished that I could save you from the hurt
But things will never go back to how we were
I'm sorry I can't be your world
You know I love you, I really do
But I can't fight anymore for you
And I don't know, maybe we'll be together again
Sometime, in another life
In another life (another life)
The way you're holding on to me
Makes me feel like I can't breathe
Just let me go, just let me go
It just won't feel right inside
God knows I've tried
You know I love you, you know I do
But I can't fight anymore for you
And I don't know, maybe we'll be together again
Sometime, in another life
In another life, in another life
In another life ...
ที่มา : YouTube : Video by : neuroticthought
http://www.youtube.com/watch?v=qKFLYDWkkZE&feature=related
ปล. นี่ไม่ใช่วีดีโอหรือเสียงต้นฉบับนะ
เฮ้ย.. เพราะดีนะ และความหมายดีด้วย
เมื่อรักแล้ว ไม่ได้รู้้สึกอย่างที่ควรรู้สึก
เพราะมีแต่ เจ็บปวด ทรมาน เศร้า วิตก หรืออะไรก็แล้วแต่..
เมื่อรู้ตัวว่า ไม่ไหวแล้ว.. ก็ควรถอยออกมา..
บางครั้ง แค่รัก อย่างเดียวมันก็ไม่พอ..
In Another Life : The Veronicas
I have known you my whole life
When you were ten, you said you'd make me your wife
Eight years later you won me over
Just as I took the world on my shoulders
I got used to living without you
Endless phone calls and dreaming about you
Always said that you were my man to be
But I guess I was in love with your memory
You know I love you, I really do
But I can't fight anymore for you
And I don't know, maybe we'll be together again
Sometime, in another life
In another life
I know I said that I would keep my word
I wished that I could save you from the hurt
But things will never go back to how we were
I'm sorry I can't be your world
You know I love you, I really do
But I can't fight anymore for you
And I don't know, maybe we'll be together again
Sometime, in another life
In another life (another life)
The way you're holding on to me
Makes me feel like I can't breathe
Just let me go, just let me go
It just won't feel right inside
God knows I've tried
You know I love you, you know I do
But I can't fight anymore for you
And I don't know, maybe we'll be together again
Sometime, in another life
In another life, in another life
In another life ...
ที่มา : YouTube : Video by : neuroticthought
http://www.youtube.com/watch?v=qKFLYDWkkZE&feature=related
ปล. นี่ไม่ใช่วีดีโอหรือเสียงต้นฉบับนะ
4.4.10
ชุดใหม่รับ..สปริง
เพราะเริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว
โทนแต่งตัวหน้านี้จะเป็นอะไรที่สดใส
หรือเน้นลวดลาย (ดอกๆหน่อย)
หลายวันก่อนก็เลยไปช้อปปิ้งมา..
ตัวแรก เลือกเอง จาก Marshalls (ตัวนี้ชอบมากเลย.. Y_Y)
ตัวละ $12.99 (ก่อนซื้อโทรขออนุญาติคุณสามีก่อน แห่ะๆ)
ตัวที่สอง ไปเดินเลือกกับคุณสามีที่ร้าน Wetseal $15.99
พอดีมีโปรว่า Buy 1 Get 1 more for a penny
ก็เลยได้ตัวที่สาม ติดมาด้วยราคา 1 cent ฮิ้วว.. (ราคาจริง $13.99)
ตัวบนจ่ายราคาเต็ม
ตัวล่างจ่ายราคาโปรฯ เซนต์เดียว กิ๊บ กิ๊ววว..ว..
ส่วนคุณสามีก็ไม่น้อยหน้า ได้เสื้อโปโลสีสดใสจาก Old Navy มา 4 ตัว
ปกติตัวละ $15 แต่โปรพิเศษ เฉพาะวันเสาร์ที่แล้ว ได้มาตัวละ $5 เท่านั้น
(คนเพียบเลย แต่กำหนดให้คนละ 5 ตัวเท่านั้น)
ชอบของลดราคาทั้งผัวและเมีย ฮ่าๆๆ
ส่วนอีเขียวนี่ ได้จาก Old Navy เหมือนกัน แค่ $5 (ปกติ $8)
เดวิดเห็นแล้วชอบ ว่าน่ารักดี ก็เลยซื้อให้
คุณสามีชอบให้คุณเมียแต่งตัว แต่งหน้า
(เห็นใครแต่งชุดน่ารักหน่อย ก็จะสะกิดให้ หยกแต่งมั่ง)
แต่หยกแต่งไม่ค่อยเป็น และไม่ชอบแต่งเท่าไรด้วย
เพราะเป็นคนผอม ก็เลยไม่ค่อยกล้าแต่ง
ก็ได้คุณสามียุหน่อยๆ และคนที่นี่ เค้าไม่วิจารณ์คนอื่น เหมือนที่บ้านเรา
หยกก็เลยเริ่ม(กล้า)แต่งตัวมากขึ้น.. ^^
ยอมรับว่า เดวิดมีเซนส์เรื่องแต่งตัวค่อนข้างดีนะ
เวลาไปช้อปปิ้ง ถามความคิดเห็นว่า โอมั้ย ดีมั้ย
เค้ามักจะพึ่งได้เสมอ.. แต่ไม่ค่อยมีเวลาจะไปด้วยเท่าไร
ได้ชุดใหม่มา แล้วก็มีบางชุดที่ซื้อมาจากไทย แต่ยังไม่ได้ใส่
เพราะตอนมานี่ใหม่ๆ อากาศเย็น ก็เลยเอาเก็บใส่ตู้ไว้
คงได้ใส่อีกไม่กี่วันล่ะ อากาศอุ่นขึ้นมากแล้ว.. ^^
(ขี้เห่อนะนี่ ฮ่าๆๆๆ)
ว่าแต่..ยังไม่มีรองเท้าเลยตู.. -_-'
ปล. รองเท้าที่นี่ หาไซส์ได้ไม่มีปัญหานะ
แต่ติดที่ว่า ส้นสูงมั่กๆๆ -_-'
ปล. อีกที จะติดใจเมกา ก็อีตรงที่ ของลดราคาได้ใจดีจริงๆ
โทนแต่งตัวหน้านี้จะเป็นอะไรที่สดใส
หรือเน้นลวดลาย (ดอกๆหน่อย)
หลายวันก่อนก็เลยไปช้อปปิ้งมา..
ตัวแรก เลือกเอง จาก Marshalls (ตัวนี้ชอบมากเลย.. Y_Y)
ตัวละ $12.99 (ก่อนซื้อโทรขออนุญาติคุณสามีก่อน แห่ะๆ)
ตัวที่สอง ไปเดินเลือกกับคุณสามีที่ร้าน Wetseal $15.99
พอดีมีโปรว่า Buy 1 Get 1 more for a penny
ก็เลยได้ตัวที่สาม ติดมาด้วยราคา 1 cent ฮิ้วว.. (ราคาจริง $13.99)
ตัวบนจ่ายราคาเต็ม
ตัวล่างจ่ายราคาโปรฯ เซนต์เดียว กิ๊บ กิ๊ววว..ว..
ส่วนคุณสามีก็ไม่น้อยหน้า ได้เสื้อโปโลสีสดใสจาก Old Navy มา 4 ตัว
ปกติตัวละ $15 แต่โปรพิเศษ เฉพาะวันเสาร์ที่แล้ว ได้มาตัวละ $5 เท่านั้น
(คนเพียบเลย แต่กำหนดให้คนละ 5 ตัวเท่านั้น)
ชอบของลดราคาทั้งผัวและเมีย ฮ่าๆๆ
ส่วนอีเขียวนี่ ได้จาก Old Navy เหมือนกัน แค่ $5 (ปกติ $8)
เดวิดเห็นแล้วชอบ ว่าน่ารักดี ก็เลยซื้อให้
คุณสามีชอบให้คุณเมียแต่งตัว แต่งหน้า
(เห็นใครแต่งชุดน่ารักหน่อย ก็จะสะกิดให้ หยกแต่งมั่ง)
แต่หยกแต่งไม่ค่อยเป็น และไม่ชอบแต่งเท่าไรด้วย
เพราะเป็นคนผอม ก็เลยไม่ค่อยกล้าแต่ง
ก็ได้คุณสามียุหน่อยๆ และคนที่นี่ เค้าไม่วิจารณ์คนอื่น เหมือนที่บ้านเรา
หยกก็เลยเริ่ม(กล้า)แต่งตัวมากขึ้น.. ^^
ยอมรับว่า เดวิดมีเซนส์เรื่องแต่งตัวค่อนข้างดีนะ
เวลาไปช้อปปิ้ง ถามความคิดเห็นว่า โอมั้ย ดีมั้ย
เค้ามักจะพึ่งได้เสมอ.. แต่ไม่ค่อยมีเวลาจะไปด้วยเท่าไร
ได้ชุดใหม่มา แล้วก็มีบางชุดที่ซื้อมาจากไทย แต่ยังไม่ได้ใส่
เพราะตอนมานี่ใหม่ๆ อากาศเย็น ก็เลยเอาเก็บใส่ตู้ไว้
คงได้ใส่อีกไม่กี่วันล่ะ อากาศอุ่นขึ้นมากแล้ว.. ^^
(ขี้เห่อนะนี่ ฮ่าๆๆๆ)
ว่าแต่..ยังไม่มีรองเท้าเลยตู.. -_-'
ปล. รองเท้าที่นี่ หาไซส์ได้ไม่มีปัญหานะ
แต่ติดที่ว่า ส้นสูงมั่กๆๆ -_-'
ปล. อีกที จะติดใจเมกา ก็อีตรงที่ ของลดราคาได้ใจดีจริงๆ
My Happy 1st Easter..
4-April-2010
เช้านี้คุณสามีออกไปทำงานที่มหาลัยแต่เช้า
ถึงจะเป็นวันอาทิตย์ และวันพิเศษอย่างวันอีสเตอร์
ก็ยังคงต้องทำงาน
เพราะใกล้ถึงกำหนดDefence ในเดือนพ.ค.
เค้าก็เลยยุ่งอยู่กับการเขียนงานวิจัยให้เสร็จ..ภายในเดือน เม.ย. นี้
ปกติ เวลาคุณสามีไปมหาลัย ก็จะเอาอาหารติดตัวไปด้วย
ประหยัดทั้งเงินและเวลา ไม่ต้อวางมือจากงานไปกินที่โรงอาหาร
ก็เลยเอาอาหารไปจากบ้านเลย
(ไม่มีอะไรมาก แค่น้ำขวดและของกินเล็กๆ อย่างกล้วย, สแน็คบาร์)
ปกติใส่ถึงพลาสติกหิ้วไป ดูแล้วไม่ค่อยเหมาะเท่าไร
เมื่อวานหยกทำถุงผ้าสำหรับใส่อาหารกลางวันให้คุณสามี
เป็นถุงผ้าทำมือ เพราะเย็บด้วยมือ
ยื่นให้เมื่อเช้า ดีใจใหญ่ เพราะไม่รู้ว่าหยกทำให้..
เดินออกไปส่งเค้าขึ้นรถที่หน้าบ้าน เค้าย้ำว่า
อย่าลืมเช็คเมลล์บอกซ์นะ (หมายถึงตู่จม.หน้าบ้านน่ะ)
เราก็ โอเคๆ แล้วก็เดินไปเปิดกล่อง จม. ดู
สะดุดตาก่อน จม.ในตู้ ก็ ไข่ m&m สีเขียว
คุณสามีชะลอรถรอหน้าบ้าน ตะโกนมาว่า
"Have Fun!!" แล้วก็ขับรถออกไป..
คว้าจม. แล้ววิ่งเข้ามาในบ้าน..
แล้วก็ตามล่าหาไข่ในบ้าน..
เจอบนโต๊ะคอมฯ กับบนน้องเดล..
(หยกได้การ์ดแล้วนะเจ้หลิง ขอบคุณก้าบ..)
ตรงครัว ในตู้เย็น และที่ล้างจาน
เข้าไปในห้องนอน..
บนตู้เสื้อผ้าโซนเสริมสวย ตรงอ่างล้างหน้า
ไม่มีตะกร้าสวยๆ ก็เอาชามมาใส่ แห่ะๆ
คิดว่าคงหมดแล้ว..
ก็เปิดน้องเดล..แล้วก็เจอการ์ดสอดอยู่ด้านใน..
นี่เป็นการ์ดที่ได้จากครอบครัวเดวิดที่แคนาดาส่งมาให้
น้องกระต่ายในการ์ดเขียวนั่น จากเดวิด..
จริงๆคงกะว่า หยกตื่นมา จะเจอในห้องน้ำก่อน(ฉี่และแปรงฟัน)
แล้วก็ตรงห้องแป้ง (ปะแป้งให้แก้มหอมๆ น้ำยังไม่อาบ ฮ่าๆๆ)
แล้วก็มาที่คอมฯ (บางที่แหกขี้ตามาก็เปิดคอมฯก่อนเลย)
แล้วก็ในครัวเปิดตู้เย็น (หาไรกิน หิวๆ)
แล้วก็ตรงที่ล้างจาน(กินแล้วก็ต้องล้าง)
แต่ไม่เป็นตามแผน เพราะอีเมียเสือกทะลึ่งพรวดมาที่ห้องนั่งเล่นก่อนเลย
เพราะจะเอาถุงผ้าให้ ฮ่าๆๆ
แล้วหยกก็ส่งรูปให้คุณสามีดู ว่าเราหาเจอตามนี้นะ..
ครบหรือเปล่า??
เค้าก็ส่งเมลล์กลับมาว่า ยังไม่หมด เหลืออีกหนึ่ง
เราก็ เอ๋?? จริงอ่ะ -__-?
ก็เลยหาๆอีกรอบ ก็ไม่เจอ -"-
เค้าก็บอก ไปกินมื้อเที่ยงก่อนก็ได้
พอเปิดไมโครเวฟเท่านั้นล่ะ..
เจอแล้ว..ชิ้นสุดท้าย.. กระต่ายจ๋า.. (^[]^)')
ครบแล้วจ้า..
พอบ่ายแก่ๆ เดวิดโทรมาว่าจะกลับไปกินมื้อเย็นประมาณห้าโมง
จะทำกับข้าว หรือซื้ออะไรเข้าไปกิน เพราะเค้าจะอยู่ไม่นาน
จะกลับมาทำงานต่อที่ออฟฟิศ
ก็เลยตกลงกันว่า ซื้อแมคมากินแล้วกัน
พอวางสาย หยกก็เริ่มทำคัพเค้ก..
ผ่านไปชั่วโมงหน่อยๆ..
ก็เสร็จออกมาหน้าตาสดใสแลลนี้จ้า..
แดดข้างนอกยังดีอยู่ ก็เลยจัดใส่จานแล้วออกไปถ่ายมถมหากินมุมเดิม
มุมเดิม แต่สวยกว่าเดิมเยอะเลย เพราะมีดอกไม้สีสวยเป็นแบล็คกราวด์ช่วย..
น่ากินใช่ม้า..
แล้วซักพักคุณสามีก็กลับมาถึงบ้าน
ซัดแมคฯกันไป.. พุงกาง
แล้วเค้าก็โทรกลับบ้านที่เคนาดา
(กำลังจะกินมื้อเย็นวันอีสเตอร์พอดี)
ถ้างานเดวิดไม่ยุ่งมาก ก็คงได้ไปเฮฮาด้วยกันที่แคนาดา..
ประมาณหนึ่งทุ่ม คุณสามีก็กลับไปทำงานต่อ
คงจะกลับประมาณสามสี่ทุ่ม..
หยกก็อยู่บ้านดูหนังไป..
ขอบคุณ คุณสามี ที่ทำให้วันอีสเตอร์ปีแรก
ไม่เงียบเหงาหรือน่าเบื่อ อย่างที่บ่นไว้เมื่อวาน ฮ่าๆๆๆ
รักนะๆๆๆ..
เช้านี้คุณสามีออกไปทำงานที่มหาลัยแต่เช้า
ถึงจะเป็นวันอาทิตย์ และวันพิเศษอย่างวันอีสเตอร์
ก็ยังคงต้องทำงาน
เพราะใกล้ถึงกำหนดDefence ในเดือนพ.ค.
เค้าก็เลยยุ่งอยู่กับการเขียนงานวิจัยให้เสร็จ..ภายในเดือน เม.ย. นี้
ปกติ เวลาคุณสามีไปมหาลัย ก็จะเอาอาหารติดตัวไปด้วย
ประหยัดทั้งเงินและเวลา ไม่ต้อวางมือจากงานไปกินที่โรงอาหาร
ก็เลยเอาอาหารไปจากบ้านเลย
(ไม่มีอะไรมาก แค่น้ำขวดและของกินเล็กๆ อย่างกล้วย, สแน็คบาร์)
ปกติใส่ถึงพลาสติกหิ้วไป ดูแล้วไม่ค่อยเหมาะเท่าไร
เมื่อวานหยกทำถุงผ้าสำหรับใส่อาหารกลางวันให้คุณสามี
เป็นถุงผ้าทำมือ เพราะเย็บด้วยมือ
ยื่นให้เมื่อเช้า ดีใจใหญ่ เพราะไม่รู้ว่าหยกทำให้..
เดินออกไปส่งเค้าขึ้นรถที่หน้าบ้าน เค้าย้ำว่า
อย่าลืมเช็คเมลล์บอกซ์นะ (หมายถึงตู่จม.หน้าบ้านน่ะ)
เราก็ โอเคๆ แล้วก็เดินไปเปิดกล่อง จม. ดู
สะดุดตาก่อน จม.ในตู้ ก็ ไข่ m&m สีเขียว
คุณสามีชะลอรถรอหน้าบ้าน ตะโกนมาว่า
"Have Fun!!" แล้วก็ขับรถออกไป..
คว้าจม. แล้ววิ่งเข้ามาในบ้าน..
แล้วก็ตามล่าหาไข่ในบ้าน..
เจอบนโต๊ะคอมฯ กับบนน้องเดล..
(หยกได้การ์ดแล้วนะเจ้หลิง ขอบคุณก้าบ..)
ตรงครัว ในตู้เย็น และที่ล้างจาน
เข้าไปในห้องนอน..
บนตู้เสื้อผ้าโซนเสริมสวย ตรงอ่างล้างหน้า
ไม่มีตะกร้าสวยๆ ก็เอาชามมาใส่ แห่ะๆ
คิดว่าคงหมดแล้ว..
ก็เปิดน้องเดล..แล้วก็เจอการ์ดสอดอยู่ด้านใน..
นี่เป็นการ์ดที่ได้จากครอบครัวเดวิดที่แคนาดาส่งมาให้
น้องกระต่ายในการ์ดเขียวนั่น จากเดวิด..
จริงๆคงกะว่า หยกตื่นมา จะเจอในห้องน้ำก่อน(ฉี่และแปรงฟัน)
แล้วก็ตรงห้องแป้ง (ปะแป้งให้แก้มหอมๆ น้ำยังไม่อาบ ฮ่าๆๆ)
แล้วก็มาที่คอมฯ (บางที่แหกขี้ตามาก็เปิดคอมฯก่อนเลย)
แล้วก็ในครัวเปิดตู้เย็น (หาไรกิน หิวๆ)
แล้วก็ตรงที่ล้างจาน(กินแล้วก็ต้องล้าง)
แต่ไม่เป็นตามแผน เพราะอีเมียเสือกทะลึ่งพรวดมาที่ห้องนั่งเล่นก่อนเลย
เพราะจะเอาถุงผ้าให้ ฮ่าๆๆ
แล้วหยกก็ส่งรูปให้คุณสามีดู ว่าเราหาเจอตามนี้นะ..
ครบหรือเปล่า??
เค้าก็ส่งเมลล์กลับมาว่า ยังไม่หมด เหลืออีกหนึ่ง
เราก็ เอ๋?? จริงอ่ะ -__-?
ก็เลยหาๆอีกรอบ ก็ไม่เจอ -"-
เค้าก็บอก ไปกินมื้อเที่ยงก่อนก็ได้
พอเปิดไมโครเวฟเท่านั้นล่ะ..
เจอแล้ว..ชิ้นสุดท้าย.. กระต่ายจ๋า.. (^[]^)')
ครบแล้วจ้า..
พอบ่ายแก่ๆ เดวิดโทรมาว่าจะกลับไปกินมื้อเย็นประมาณห้าโมง
จะทำกับข้าว หรือซื้ออะไรเข้าไปกิน เพราะเค้าจะอยู่ไม่นาน
จะกลับมาทำงานต่อที่ออฟฟิศ
ก็เลยตกลงกันว่า ซื้อแมคมากินแล้วกัน
พอวางสาย หยกก็เริ่มทำคัพเค้ก..
ผ่านไปชั่วโมงหน่อยๆ..
ก็เสร็จออกมาหน้าตาสดใสแลลนี้จ้า..
แดดข้างนอกยังดีอยู่ ก็เลยจัดใส่จานแล้วออกไปถ่ายมถมหากินมุมเดิม
มุมเดิม แต่สวยกว่าเดิมเยอะเลย เพราะมีดอกไม้สีสวยเป็นแบล็คกราวด์ช่วย..
น่ากินใช่ม้า..
แล้วซักพักคุณสามีก็กลับมาถึงบ้าน
ซัดแมคฯกันไป.. พุงกาง
แล้วเค้าก็โทรกลับบ้านที่เคนาดา
(กำลังจะกินมื้อเย็นวันอีสเตอร์พอดี)
ถ้างานเดวิดไม่ยุ่งมาก ก็คงได้ไปเฮฮาด้วยกันที่แคนาดา..
ประมาณหนึ่งทุ่ม คุณสามีก็กลับไปทำงานต่อ
คงจะกลับประมาณสามสี่ทุ่ม..
หยกก็อยู่บ้านดูหนังไป..
ขอบคุณ คุณสามี ที่ทำให้วันอีสเตอร์ปีแรก
ไม่เงียบเหงาหรือน่าเบื่อ อย่างที่บ่นไว้เมื่อวาน ฮ่าๆๆๆ
รักนะๆๆๆ..
Subscribe to:
Posts (Atom)