เมื่อวานคุณสามีพาไปดูละครเรื่อง The Full Monty
เป็นละครที่คณะการละครของมหาลัยเดวิด
คือ เป็นโปรเจ็คของนร. ที่ว่า จัดโชว์การเเสดง
Staff และอาจารย์ จะได้ตั๋วฟรีสองใบ ของละครทุกเรื่องที่นร.แสดง
เย้ๆ...
ตอนแรก คิดว่า กุจะดูรู้เรื่องมั้ยนี่ -_-'
ไม่มี SubTitle เสียด้วย..
ละครเริ่มตอน สองทุ่ม ก็ไปถึงก่อนเวลาประมาณ 10 นาที
คนรอหน้าโรงละครเยอะเลย
รอบนี้เป็นรอบที่สามแล้ว เค้าแสดงทั้งหมดสี่รอบ
โรงละครมหาลัยไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แต่ก็ไม่เล็กจนน่าเกลียด หรืออึดอัด
โรงนี้จุคนดูได้ประมาณ 400-500 คน
เมื่อละครเริ่มฉาย จนจบการแสดง..
OMG! This is so WOW!!
คือ มันผิดกับที่คิดไว้มากมาย
ตลก ดร่ามา และ naughty!
(เป็นละครเพลง เหมือนละคร คุณบอยบ้านเราน่ะ
ที่เล่นไป ร้องไป และมีบทพูดด้วย)
เนื้อเรื่องโดยย่อคือ
Adapted from the hit 1997 movie of the same name,
The Full Monty tells the story of six unemployed steelworkers
who decide raise money by presenting a strip act at a local club.
With a series of great numbers, The Full Monty makes a triumphant transition
to the musical stage and becomes a show that is comic, touching and always entertaining.
A view confirmed by the show’s success: the original Broadway production,
which opened in October 2000, ran for 770 performances
and received ten Tony Award nominations, including Best Musical,
Best Original Score and Best Book of a Musical.
The setting of the musical shifts from the film version’s Sheffield to Buffalo
in upstate New York, another depressed industrial city with few prospects
and little hope for those who find themselves out of work.
But the story is essentially the same.
The ex-steelworkers feel emasculated by their lack of earning power
and the problem comes to a head when best friends Jerry and Dave
see a group of women paying a hefty entrance fee to watch a Chippendale-style strip show.
Threatened with losing access to his son, Nathan,
because he can no longer afford his child support payments,
Jerry conceive his audacious plan to raise the cash by stripping.
The Full Monty tells the story of how Jerry, Dave and their friends overcome their inner demons
and receive a rapturous reception for their performance.
But not without many setbacks and a lot of heartache on the way.
ที่เข้าใจง่ายๆคือ..
The Full Monty เป็นเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่ง
ที่ตกงาน หลังหย่ากับภรรยา แล้วก็กำลังจะเสียลูกไป
เนื่องจากขาดส่งเงินเลี้ยงดู
เค้าจึงต้องทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้เงิน เพื่อให้ได้สิทธิ์การได้พบลูก กลับมา
สุดท้าย ก็เลือกที่จะเป็น Stripper! หรือนักเต้นระบำเปลื้องผ้า!!
โดยชวนเพื่อนๆที่ตกงานเหมือนกัน มาร่วมทีมเต้นด้วยกัน
แต่ในวงการระบำเปลี้องผ้านั้น ก็มีการแข่งขันกันสูง
อย่างน้อย ก็ต้องดูดีระดับหนึ่ง เพื่อเรียกคนดู
แต่ทีมนี้ ไม่มีอะไรเป็นจุดขายได้เล้ย..
นอกจาก ผอมแห้ง อ้วนจ้ำม่ำ แก่ชรา ติงต้อง และ เกย์ !!
สุดท้ายทีมนี้แลือกที่จะแสดงแบบ เปลี้องหมดทุกชิ้น หรือเรียกว่า Full Monty!
(ปกติ จะถอดทีละชิ้น แต่เหลือเกงเตี่ยวตัวจ้อย แค่ชิ้นเดียว ตอนปิดการแสดงไง)
ตอนจบ เป็นการเต้นแบบ Full Monty
นักแสดงก็โชว์สปิริต คือ แก้จริง ถอดจริง เห็นจริง
เล่นเอาป้า หัวใจจะวาย Y_Y 5555
จบการแสดง ได้รับเสียงปรบมือที่ดัง และยาวนานมากก..
ยอมรับว่า ของเค้าดีจริง!
เรื่องนี้ถูกนำมาเล่นแล้ว หลายครั้ง..
เมื่อวานดูแบบนี้เลยนะ เอาหมวกออกจริงๆด้วย)
ปล. เค้าถอดกันจริงๆนะ (-////-)
หมายเหตุ-ภาพประกอบจากเน็ต เพราะเค้าไม่ให้ถ่ายรูปในโรง
.. เรื่องเล่าเล็กๆ ของถั่วลันเตาเขียวๆ..
นอกจากเรื่องเล่าต่างๆ รอบๆตัวเรา ที่หยกนำมาเล่าสู่กันฟังแล้ว
ก็ฟังเพลงเพราะๆ ความหมายดีๆ ประกอบไปด้วย..
คงช่วยให้วันหรือช่วงเวลาที่น่าเบื่อของคุณ ดีขึ้นบ้างล่ะ..เนาะ ^^
ก็ฟังเพลงเพราะๆ ความหมายดีๆ ประกอบไปด้วย..
คงช่วยให้วันหรือช่วงเวลาที่น่าเบื่อของคุณ ดีขึ้นบ้างล่ะ..เนาะ ^^
30.10.10
Fall in Selinsgrove
อากาศดีๆ แดดอุ่นๆ ลมอ่อนๆ
คว้าจักรยาน และกล้องคู่ใจ
ปั่นชมความงาม และเก็บภาพสสวยๆ รอบเมือง Selinsgrove..
เมืองชั้น สวยจริงๆ..
อีกไม่นาน ก็หนาวแล้ว..
รอดูแล้วกันนะ ว่าหนาวนี้ จะสวยแค่ไหน..
คว้าจักรยาน และกล้องคู่ใจ
ปั่นชมความงาม และเก็บภาพสสวยๆ รอบเมือง Selinsgrove..
เมืองชั้น สวยจริงๆ..
อีกไม่นาน ก็หนาวแล้ว..
รอดูแล้วกันนะ ว่าหนาวนี้ จะสวยแค่ไหน..
28.10.10
พัมคิน อีกรอบ..
วันนี้ออกไปเที่ยวเล่น ที่ Local Market
เห็นเค้าขายมานานแล้ว แต่ไม่มีเวลาแวะไปซักที
วันนี้อากาศดี ก็เลยแวะไปกัน
เพราะใกล้หมด ฤดู Harvest แล้ว ฤดูหนาวใกล้เข้ามาทุกที
รวมทั้ง อีกแค่สองสามวันก็จะวันฮัลโลวีนแล้ว
เค้าก็เลย ขายโล๊ะ ซึ่งจะปิดตลาดวันอาทิตย์นี้
ที่นี่มีผลผลิตประหลาดๆที่น่าสนใจหลายๆอย่าง
ส่วนมาก จะใช้ประดับบ้านมากกว่ากินจริงๆ เยอะหน่อย ก็เป็นฟักทอง
มีทั้งธรรมดา และแบบประหลาดๆ
พอดีว่า เค้าขายโล๊ะอย่างที่บอก ฟักทองเลยราคาเดียวไม่ว่าจะลูกเล็กหรือใหญ่ ขายที่ $1 เท่านั้น
สุดท้ายก็ได้ฟักทองลูกใหญ่มาหนึ่งลูก แป่ะป้ายไว้ที่ $10 (300บาท) แต่จ่ายจริงแค่ $1 (30บาท)เท่านั้น!!!
นอกจากฟักทองหรือผักต่างๆก็มีดอกไม้ด้วย สวยมากๆ กระถางละแค่ $1 เช่นกัน
เมื่อกลับมาบ้าน กินมื้อเย็นเสร็จ (ทำทาโก้กิน) ก็ลงมือ (ลงมีด)แกะฟักทองกัน เย้ๆ
ก็เหมือนเดิม คือตัดหัว และควักไส้..
ฟังน่ากลัวดีเนาะ ฮ่าๆๆ
หยกใช้เวลาในการควักไส้นานมาก เพราะลูกใหญ่ ควักไม่รู้จักหมดเสียที จนล้าแขน Y_Y
เมื่อข้างในเรียบร้อย ก็วาดแบบลงไป(หามาจากเน็ต) แล้วก็ลงมีดได้เลย!!
เดวิดเสร็จก่อนนานเลย.. เป็นไง ของเดวิด น่ารักมะ?
ของอีเมียยังคงออกแนวโหด หยอง เหมือนเดิม
แล้วก็เอาไปตั้งหน้าบ้าน พร้อมจุดเทียน..
น่ารักว่ะ.. -"-
ใช้ขาตั้งกล้อง ถาพก็เลยออกมานิ่งดั่งใจ..
ฮัลโลวีนปีนี้ ค่อยเป็นฮัลโลวีนจริงๆหน่อย..
ปีหน้าจะทำให้อลังกว่านี้อีก ว๊ะ ฮ่า ฮ่า..
ตอนนี้ก็รอแค่ เด็กน้อยมาเคาะหน้าบ้าน แล้วพูดว่า..
"Trick or Treat!?!?"
เห็นเค้าขายมานานแล้ว แต่ไม่มีเวลาแวะไปซักที
วันนี้อากาศดี ก็เลยแวะไปกัน
เพราะใกล้หมด ฤดู Harvest แล้ว ฤดูหนาวใกล้เข้ามาทุกที
รวมทั้ง อีกแค่สองสามวันก็จะวันฮัลโลวีนแล้ว
เค้าก็เลย ขายโล๊ะ ซึ่งจะปิดตลาดวันอาทิตย์นี้
ที่นี่มีผลผลิตประหลาดๆที่น่าสนใจหลายๆอย่าง
ส่วนมาก จะใช้ประดับบ้านมากกว่ากินจริงๆ เยอะหน่อย ก็เป็นฟักทอง
มีทั้งธรรมดา และแบบประหลาดๆ
พอดีว่า เค้าขายโล๊ะอย่างที่บอก ฟักทองเลยราคาเดียวไม่ว่าจะลูกเล็กหรือใหญ่ ขายที่ $1 เท่านั้น
สุดท้ายก็ได้ฟักทองลูกใหญ่มาหนึ่งลูก แป่ะป้ายไว้ที่ $10 (300บาท) แต่จ่ายจริงแค่ $1 (30บาท)เท่านั้น!!!
นอกจากฟักทองหรือผักต่างๆก็มีดอกไม้ด้วย สวยมากๆ กระถางละแค่ $1 เช่นกัน
เมื่อกลับมาบ้าน กินมื้อเย็นเสร็จ (ทำทาโก้กิน) ก็ลงมือ (ลงมีด)แกะฟักทองกัน เย้ๆ
ก็เหมือนเดิม คือตัดหัว และควักไส้..
ฟังน่ากลัวดีเนาะ ฮ่าๆๆ
หยกใช้เวลาในการควักไส้นานมาก เพราะลูกใหญ่ ควักไม่รู้จักหมดเสียที จนล้าแขน Y_Y
เมื่อข้างในเรียบร้อย ก็วาดแบบลงไป(หามาจากเน็ต) แล้วก็ลงมีดได้เลย!!
เดวิดเสร็จก่อนนานเลย.. เป็นไง ของเดวิด น่ารักมะ?
ของอีเมียยังคงออกแนวโหด หยอง เหมือนเดิม
แล้วก็เอาไปตั้งหน้าบ้าน พร้อมจุดเทียน..
น่ารักว่ะ.. -"-
ใช้ขาตั้งกล้อง ถาพก็เลยออกมานิ่งดั่งใจ..
ฮัลโลวีนปีนี้ ค่อยเป็นฮัลโลวีนจริงๆหน่อย..
ปีหน้าจะทำให้อลังกว่านี้อีก ว๊ะ ฮ่า ฮ่า..
ตอนนี้ก็รอแค่ เด็กน้อยมาเคาะหน้าบ้าน แล้วพูดว่า..
"Trick or Treat!?!?"
ตอบคำถามคาใจ ใครหลายๆคน..
หลายๆคนถาม คำถามเดิมๆซ้ำๆกัน
ขอตอบดังนี้..
ถาม ไปอยู่โน่นทำไร?
ตอบ อยู่บ้านเป็นแม่บ้านเฉยๆค่ะ ก็อยู่บ้าน ทำงานบ้าน ทำกับข้าว
ดูแลสามี เบื่อก็หางานอดิเรกทำ เช่น ทำขนม ถักนิตติ้ง ไปช้อปปิ้ง
สามีมีเวลาว่าง ก็จะพาไปเที่ยวตามที่ต่างๆ เมืองต่างๆ ดูบ้านเมือง ความเป็นอยู่ของคนที่นี่
ถาม ทำไมไม่ทำงานล่ะ?
ตอบ ที่ไม่ทำงาน หรือหางานทำ ก็เพราะ ทำงานไม่ได้ค่ะ
วีซ่าที่หยกใช้อยู่ตอนนี้ เป็นวีซ่าชั่วคราว ไม่อนุญาติให้ทำงานใดๆ
ถาม ทำไมคนอื่นทำได้ล่ะ?
ตอบ ก็ต้องดูด้วยว่า คนอื่นที่ว่า อยู่สถานะ(วีซ่า) เดียวกันหรือเปล่า
ถ้าใช่ แสดงว่า เค้าแอบทำแบบผิด กม.
ต้องแจงว่า เดวิดเป็นคนแคนาดา เค้าทำงานที่่นี่ได้ เพราะใช้วีซ่าทำงาน
ซึ่งที่ทำงาน หรือมหาลัยเป็นคนขอวีซ่าให้ ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้
เดวิดเป็นต่างชาติที่มาทำงานในอเมริกา ส่วนหยกใช้วีซ่าติดตามแบบครอบครัว
วีซ่าของเราสองคนเป็นแบบชั่วคราว ข้อกำหนดจึงมี
วีซ่าหยกนั้นคือ วีซ่า H4 (ของเดวิดคือ H1B) สามารถเรียนได้ แต่ทำงานไม่ได้
ถ้าเดวิดเป็นคนเมกัน หยกก็ต้องขอวีซ่าถาวร ที่เรียกว่า วีซ่าแต่งงาน
แล้วก็เปลี่ยนเป็นกรีนการ์ด
กรีนการ์ดนี่ อนุญาตให้ทำงานได้ มีสิทธิ์เท่าชาวเมกัน แต่เลือกตั้งไม่ได้เท่านั้น
เมื่อถือกรีนการ์ดระดับหนึ่ง ก็สามารถสอบเป็นซิติเซ่นได้
และอีกกรณีหนึ่ง หากเดวิดทำงานที่แคนาดา ซึ่งเป็นบ้านเกิดเค้า
หยกก็ต้องขอวีซ่าถาวรแคนาดา ประเภทคู่สมรส หรือที่เรียกสั้นๆว่า PR
เมื่อได้ PR มา ก็สามารถทำงานและได้รับสิทธื์ต่างๆเหมือน คนแคนาดา แต่เลือกตั้งไม่ได้
เมื่ออยู่แคนาดา ครบกำหนด 3 ใน 5 ปี ก็สามารถขอซิติเซ่นได้
เป็นคนแคนาดา เลือกตั้ง และถือพาสปอร์ตแคนาดา ได้เลย
แต่หยกและเดวิดอยู่ เมกา สถานนะของเราสองคนเป็นแค่ต่างด้าวเท่านั้น
ถือวีซ่าชั่วคราว ก็เลยมีข้อจำกัดต่างๆ
ถาม ทำไมไม่แอบทำงานล่ะ?
ตอบ เมื่อคิดถึงอัตราค่าจ้างที่ได้ และความเสี่ยง ตามด้วยผลที่ตามมาหากถูกจับได้
ไม่เอาดีกว่า ได้ไม่คุ้มเสียแน่
ถูกจับได้ ถูกส่งกลับ ห้ามเข้าประเทศ..
และใช่ว่า จะได้งานดีๆทำ เพราะไม่มีบริษัทไหน
อยากเสี่ยงไปด้วย กับการจ้างแรงงานเถื่อนหรอก
จะได้งานก็เป็นงานใช้แรงงาน โดนกดขี่ หรือเบี้ยว ค่าแรง
เมื่อถูกเอาเปรียบ ก็ร้องเรียนไม่ได้ เพราะเราแอบทำแบบผิด กม.
ร้องเรียนไป เราก็จะโดนเสียเอง
ถาม เห็นว่า เรียนได้นี่ ทำไมไม่เรียนล่ะ?
ตอบ ที่ยังไม่เรียน เพราะ ถ้าลงเรียนตอนนี้ ต้องจ่ายเรท นร.ต่างชาติ ซึ่งแพงมาก
หากรออีกหน่อย กลางปีหน้า จะได้เรียนฟรี
เพราะเป็นสวัสดิการของมหาลัยที่เดวิดทำงานอยู่ที่ว่า
ลูกและภรรยา เรียนได้ฟรี
หากเดวิดตกลงใจทำงานที่นี่ยาว หยกก็จะดูว่า มีโปรแกรมอะไรที่เราสนใจ
ก็จะลองลงเรียนดู.. ฟรี.. ฮิ้ววว..
มีใครจะถามอะไรอีกมั้ย?
ขอตอบดังนี้..
ถาม ไปอยู่โน่นทำไร?
ตอบ อยู่บ้านเป็นแม่บ้านเฉยๆค่ะ ก็อยู่บ้าน ทำงานบ้าน ทำกับข้าว
ดูแลสามี เบื่อก็หางานอดิเรกทำ เช่น ทำขนม ถักนิตติ้ง ไปช้อปปิ้ง
สามีมีเวลาว่าง ก็จะพาไปเที่ยวตามที่ต่างๆ เมืองต่างๆ ดูบ้านเมือง ความเป็นอยู่ของคนที่นี่
ถาม ทำไมไม่ทำงานล่ะ?
ตอบ ที่ไม่ทำงาน หรือหางานทำ ก็เพราะ ทำงานไม่ได้ค่ะ
วีซ่าที่หยกใช้อยู่ตอนนี้ เป็นวีซ่าชั่วคราว ไม่อนุญาติให้ทำงานใดๆ
ถาม ทำไมคนอื่นทำได้ล่ะ?
ตอบ ก็ต้องดูด้วยว่า คนอื่นที่ว่า อยู่สถานะ(วีซ่า) เดียวกันหรือเปล่า
ถ้าใช่ แสดงว่า เค้าแอบทำแบบผิด กม.
ต้องแจงว่า เดวิดเป็นคนแคนาดา เค้าทำงานที่่นี่ได้ เพราะใช้วีซ่าทำงาน
ซึ่งที่ทำงาน หรือมหาลัยเป็นคนขอวีซ่าให้ ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้
เดวิดเป็นต่างชาติที่มาทำงานในอเมริกา ส่วนหยกใช้วีซ่าติดตามแบบครอบครัว
วีซ่าของเราสองคนเป็นแบบชั่วคราว ข้อกำหนดจึงมี
วีซ่าหยกนั้นคือ วีซ่า H4 (ของเดวิดคือ H1B) สามารถเรียนได้ แต่ทำงานไม่ได้
ถ้าเดวิดเป็นคนเมกัน หยกก็ต้องขอวีซ่าถาวร ที่เรียกว่า วีซ่าแต่งงาน
แล้วก็เปลี่ยนเป็นกรีนการ์ด
กรีนการ์ดนี่ อนุญาตให้ทำงานได้ มีสิทธิ์เท่าชาวเมกัน แต่เลือกตั้งไม่ได้เท่านั้น
เมื่อถือกรีนการ์ดระดับหนึ่ง ก็สามารถสอบเป็นซิติเซ่นได้
และอีกกรณีหนึ่ง หากเดวิดทำงานที่แคนาดา ซึ่งเป็นบ้านเกิดเค้า
หยกก็ต้องขอวีซ่าถาวรแคนาดา ประเภทคู่สมรส หรือที่เรียกสั้นๆว่า PR
เมื่อได้ PR มา ก็สามารถทำงานและได้รับสิทธื์ต่างๆเหมือน คนแคนาดา แต่เลือกตั้งไม่ได้
เมื่ออยู่แคนาดา ครบกำหนด 3 ใน 5 ปี ก็สามารถขอซิติเซ่นได้
เป็นคนแคนาดา เลือกตั้ง และถือพาสปอร์ตแคนาดา ได้เลย
แต่หยกและเดวิดอยู่ เมกา สถานนะของเราสองคนเป็นแค่ต่างด้าวเท่านั้น
ถือวีซ่าชั่วคราว ก็เลยมีข้อจำกัดต่างๆ
ถาม ทำไมไม่แอบทำงานล่ะ?
ตอบ เมื่อคิดถึงอัตราค่าจ้างที่ได้ และความเสี่ยง ตามด้วยผลที่ตามมาหากถูกจับได้
ไม่เอาดีกว่า ได้ไม่คุ้มเสียแน่
ถูกจับได้ ถูกส่งกลับ ห้ามเข้าประเทศ..
และใช่ว่า จะได้งานดีๆทำ เพราะไม่มีบริษัทไหน
อยากเสี่ยงไปด้วย กับการจ้างแรงงานเถื่อนหรอก
จะได้งานก็เป็นงานใช้แรงงาน โดนกดขี่ หรือเบี้ยว ค่าแรง
เมื่อถูกเอาเปรียบ ก็ร้องเรียนไม่ได้ เพราะเราแอบทำแบบผิด กม.
ร้องเรียนไป เราก็จะโดนเสียเอง
ถาม เห็นว่า เรียนได้นี่ ทำไมไม่เรียนล่ะ?
ตอบ ที่ยังไม่เรียน เพราะ ถ้าลงเรียนตอนนี้ ต้องจ่ายเรท นร.ต่างชาติ ซึ่งแพงมาก
หากรออีกหน่อย กลางปีหน้า จะได้เรียนฟรี
เพราะเป็นสวัสดิการของมหาลัยที่เดวิดทำงานอยู่ที่ว่า
ลูกและภรรยา เรียนได้ฟรี
หากเดวิดตกลงใจทำงานที่นี่ยาว หยกก็จะดูว่า มีโปรแกรมอะไรที่เราสนใจ
ก็จะลองลงเรียนดู.. ฟรี.. ฮิ้ววว..
มีใครจะถามอะไรอีกมั้ย?
27.10.10
ฟักทองรับฮัลโลวีน..
วันนี้ฤกษ์งานยามดี ได้โอกาสจับมีดเชือดเสียที..
อ้อ.. แกะฟักทองน่ะ
ตั้งท่ามาหลายวันแล้ว..
เมื่อตกลงใจว่า จะทำแน่ๆ
ก็เลยเปิดดูวิธีทำโดยทั่วไปจากยูทูบ
เมื่อรู้ขั้นตอนคร่าวๆแล้ว ก็เปิดหาแบบหน้าที่เราต้องการแกะ
(ขอบคุณ อากู๋)
แล้วก็ได้มาหนึ่งหน้า..
ก็เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เมื่อพร้อม ก็ลงมือแกะทันที
เลือกแกะลูกเล็กก่อน เพราะเด๋วลูกใหญ่ ไว้แกะกะเดวิดวันหลัง
อุปกรณ์ที่ใช้ก็มี มีดขนาดต่างๆ ดินสอ เมจิก(เขียน CD) แล้วก็ช้อนควัก
เริ่มจากการร่างแบบ ที่หัวก่อน ว่าจะตัดหัวให้ใหญ่เล็กขนาดไหน
แล้วก็ลงมีด ตัดตามแบบที่ร่างไว้
เมื่อได้รอบหัว หลุดออกมาเป็นยวง ก็ตัดแต่งส่วนจุก แล้วก็ควักไส้และเม็ดออกมา ให้เรียบร้อย ด้วยช้อนควัก
เมื่อด้านในกลวงเรียบร้อย ก็ลงมือวาดหน้าตาที่เราเลือกไว้ ด้วยดินสอก่อน
พอได้ที่ เอาจริง ก็ค่อยลงเมจิก แล้วก็ลงมีดได้เลย เริ่มจากตาก่อน
แกะๆ เหลาๆ ไปเรื่อยๆ เด๋วก็เสร็จ ออกมาเป็น ฟักทองผี รับวันฮัลโลวีนจ้า
ตกดึกจุดเทียนแท่งใส่ด้านใน ก็จะออกมาแบบนี้
ส่วนนี่เป็น ฟักทองพลาสติกซื้อมาจาก Target น่ารักดี ลูกละ $3 เท่านั้น
ใส่ถ่าน AA 2 ก้อน เปิดสวิชต์ก็จะได้แบบนี้..
ตื้นตันใจฝีมือตัวเอง จนน้ำตาไหล..
ปล. อีสองรูปนี่ ลงเอาฮา..
หมายเหตุ: รูปที่ถ่าย ใช่ขาตั้งกล้องแล้วตั้งโหมดตั้งเวลาถ่ายเอง
เพราะคุณสามีไปทำงาน อีเมียเลยต้องช่วยตัวเอง
กะจะทำเป็นวีดีโอ แต่ไม่รอด เลยเป็นรูปแทนละกัน -_-'
อ้อ.. แกะฟักทองน่ะ
ตั้งท่ามาหลายวันแล้ว..
เมื่อตกลงใจว่า จะทำแน่ๆ
ก็เลยเปิดดูวิธีทำโดยทั่วไปจากยูทูบ
เมื่อรู้ขั้นตอนคร่าวๆแล้ว ก็เปิดหาแบบหน้าที่เราต้องการแกะ
(ขอบคุณ อากู๋)
แล้วก็ได้มาหนึ่งหน้า..
ก็เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เมื่อพร้อม ก็ลงมือแกะทันที
เลือกแกะลูกเล็กก่อน เพราะเด๋วลูกใหญ่ ไว้แกะกะเดวิดวันหลัง
อุปกรณ์ที่ใช้ก็มี มีดขนาดต่างๆ ดินสอ เมจิก(เขียน CD) แล้วก็ช้อนควัก
เริ่มจากการร่างแบบ ที่หัวก่อน ว่าจะตัดหัวให้ใหญ่เล็กขนาดไหน
แล้วก็ลงมีด ตัดตามแบบที่ร่างไว้
เมื่อได้รอบหัว หลุดออกมาเป็นยวง ก็ตัดแต่งส่วนจุก แล้วก็ควักไส้และเม็ดออกมา ให้เรียบร้อย ด้วยช้อนควัก
เมื่อด้านในกลวงเรียบร้อย ก็ลงมือวาดหน้าตาที่เราเลือกไว้ ด้วยดินสอก่อน
พอได้ที่ เอาจริง ก็ค่อยลงเมจิก แล้วก็ลงมีดได้เลย เริ่มจากตาก่อน
แกะๆ เหลาๆ ไปเรื่อยๆ เด๋วก็เสร็จ ออกมาเป็น ฟักทองผี รับวันฮัลโลวีนจ้า
ตกดึกจุดเทียนแท่งใส่ด้านใน ก็จะออกมาแบบนี้
ส่วนนี่เป็น ฟักทองพลาสติกซื้อมาจาก Target น่ารักดี ลูกละ $3 เท่านั้น
ใส่ถ่าน AA 2 ก้อน เปิดสวิชต์ก็จะได้แบบนี้..
ตื้นตันใจฝีมือตัวเอง จนน้ำตาไหล..
ปล. อีสองรูปนี่ ลงเอาฮา..
หมายเหตุ: รูปที่ถ่าย ใช่ขาตั้งกล้องแล้วตั้งโหมดตั้งเวลาถ่ายเอง
เพราะคุณสามีไปทำงาน อีเมียเลยต้องช่วยตัวเอง
กะจะทำเป็นวีดีโอ แต่ไม่รอด เลยเป็นรูปแทนละกัน -_-'
20.10.10
ครั้งแรกกับการเป็นเจ้าบ้าน..
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสได้เปิดบ้านต้อนรับลุงดอนกะป้าซิลเวียของเดวิด
ที่เดินทางมาจาก แฮมิลตัน แคนาดา
ซึ่งขับรถมาประมาณ 4-5 ชม.
ป้ากับลุงมาถึงประมาณ บ่ายสอง ต้อนรับขับสู้ด้วยน้ำแครนเบอร์รี่เย็นๆ
นั่งคุยกันให้พอหายเมื่อยจากการขับรถ ซักชม.
แล้วก็ออกไปเที่ยวชมมหาลัยที่เดวิดทำงานอยู่ โดยขับรถจากบ้านไปแค่ไม่กี่นาที
ก็จอดรถแล้วพาชมตึกต่างๆ
ในตึกนึ้มีธงแขวนเรียงรายอยู่ ไปสะดุดตรงที่ว่า มีธงไทยด้วย
เป็นธงของนร.ต่างชาติที่เรียนที่นี่ แปลว่า ที่นี่มีนร.ไทยด้วย Y_Y
วันนั้นอากาศดีมากๆ เย็น แต่แดดออกดี ก็เลยชิวๆ ไม่เย็นยะเยือกมาก
แล้วก็แวะมาที่ออฟฟิศเดวิดทำงานอยู่ เป็นห้องส่วนตัว มีหน้าต่างสองบาน
แดดส่องดี.. ถือว่าดีมากๆ
ขับออกมาชมเมืองรอบๆ แล้วก็จอดชมวิวที่ริมแม่น้ำ Susquehanna สวยมากๆ..
กลับมาถึงบ้าน หยกก็เข้าครัวเตรียมอาหาร
ลุงป้ากะหลานก็นั่งคุย รอมื้อเย็นที่ห้องนั่งเล่น
ประมาณหนึ่งชม. อาหารก็พร้อมเสิร์ฟ
หยกทำผัดเปรี้ยวหวาานกุ้ง กับต้มจืดหมูสับแตงกวา
ลุงกับป้าชอบมาก โดยเฉพาะต้มจืด (เดวิดก็พลอยโล่งใจ ฮ่าๆๆ)
แย่ตรงที่ว่า หยกทำน้อยไปหน่อย คือทำพอดี เติมไม่ได้ :P
เช้าวันต่อมา ก็เดินจากบ้านเข้าตัวเมือง ชมรอบๆไปในตัว
หลายๆบ้านก็แต่งบ้านรับวันฮัลโลวีนที่ใก้เข้ามาทุกที
แวะกินมื้อกลางวันกันที่ The Kind Cafe
เป็นร้านเล็กๆกลางตัวเมือง ถึงร้านจะไม่ใหญ่มาก แต่เป็นร้านที่นิยมร้านหนึ่ง
เพราะคนเข้ามาใช้บริการกันเรื่อยๆ
สั่งโกโก้ร้อนถ้วยกลาง มากินแก้หนาว (อร่อย..)
ไม่นานอาหารก็พร้อมเสริฟ
หลังมื้อเที่ยงก็เดินกลับบ้าน
แย่ที่ฝนตกพร่ำน้อย แดดไม่ออก อากาศวันนั้นก็เลยเย็นกว่าเมื่อวาน(เยอะ)
บ่ายหน่อยๆ ป้ากับลุงก็เดินทางต่อ จุดหมายปลายทางคือ Williamsburg
ซึ่งต้องขับรถไปอีกหลายชม.
สองคนประทับใจเมือง มหาลัย และบ้านหยกกับเดวิดมาก
ถึงจะเป็นเมืองเล็ก แต่ก็น่าอยู่มากๆ
เป็นครั้งแรกที่ได้ทำหน้าที่เจ้าภาพ
เพราะก่อนหน้านี้ ได้แต่ไปเป็นเเขกเค้า ไม่เคยได้มีโอกาสต้อนรับ
หรือเชิญใครมาบ้านเลย..
สองคนก็ตื่นเต้นกันน่าดู เตรียมโน่นนี่นั่น เงอะๆงะๆ
แต่ผ่านไปด้วยดีก็โล่งใจ..
อีกไม่กี่วัน ครอบครัวเดวิดก็จะมาเยี่ยมอีก
ต้องเตรียมต้อนรับแขกอีกครั้ง..
ทำอะไรให้กินดีน๊อ..
ที่เดินทางมาจาก แฮมิลตัน แคนาดา
ซึ่งขับรถมาประมาณ 4-5 ชม.
ป้ากับลุงมาถึงประมาณ บ่ายสอง ต้อนรับขับสู้ด้วยน้ำแครนเบอร์รี่เย็นๆ
นั่งคุยกันให้พอหายเมื่อยจากการขับรถ ซักชม.
แล้วก็ออกไปเที่ยวชมมหาลัยที่เดวิดทำงานอยู่ โดยขับรถจากบ้านไปแค่ไม่กี่นาที
ก็จอดรถแล้วพาชมตึกต่างๆ
ในตึกนึ้มีธงแขวนเรียงรายอยู่ ไปสะดุดตรงที่ว่า มีธงไทยด้วย
เป็นธงของนร.ต่างชาติที่เรียนที่นี่ แปลว่า ที่นี่มีนร.ไทยด้วย Y_Y
วันนั้นอากาศดีมากๆ เย็น แต่แดดออกดี ก็เลยชิวๆ ไม่เย็นยะเยือกมาก
แล้วก็แวะมาที่ออฟฟิศเดวิดทำงานอยู่ เป็นห้องส่วนตัว มีหน้าต่างสองบาน
แดดส่องดี.. ถือว่าดีมากๆ
ขับออกมาชมเมืองรอบๆ แล้วก็จอดชมวิวที่ริมแม่น้ำ Susquehanna สวยมากๆ..
กลับมาถึงบ้าน หยกก็เข้าครัวเตรียมอาหาร
ลุงป้ากะหลานก็นั่งคุย รอมื้อเย็นที่ห้องนั่งเล่น
ประมาณหนึ่งชม. อาหารก็พร้อมเสิร์ฟ
หยกทำผัดเปรี้ยวหวาานกุ้ง กับต้มจืดหมูสับแตงกวา
ลุงกับป้าชอบมาก โดยเฉพาะต้มจืด (เดวิดก็พลอยโล่งใจ ฮ่าๆๆ)
แย่ตรงที่ว่า หยกทำน้อยไปหน่อย คือทำพอดี เติมไม่ได้ :P
เช้าวันต่อมา ก็เดินจากบ้านเข้าตัวเมือง ชมรอบๆไปในตัว
หลายๆบ้านก็แต่งบ้านรับวันฮัลโลวีนที่ใก้เข้ามาทุกที
แวะกินมื้อกลางวันกันที่ The Kind Cafe
เป็นร้านเล็กๆกลางตัวเมือง ถึงร้านจะไม่ใหญ่มาก แต่เป็นร้านที่นิยมร้านหนึ่ง
เพราะคนเข้ามาใช้บริการกันเรื่อยๆ
สั่งโกโก้ร้อนถ้วยกลาง มากินแก้หนาว (อร่อย..)
ไม่นานอาหารก็พร้อมเสริฟ
หลังมื้อเที่ยงก็เดินกลับบ้าน
แย่ที่ฝนตกพร่ำน้อย แดดไม่ออก อากาศวันนั้นก็เลยเย็นกว่าเมื่อวาน(เยอะ)
บ่ายหน่อยๆ ป้ากับลุงก็เดินทางต่อ จุดหมายปลายทางคือ Williamsburg
ซึ่งต้องขับรถไปอีกหลายชม.
สองคนประทับใจเมือง มหาลัย และบ้านหยกกับเดวิดมาก
ถึงจะเป็นเมืองเล็ก แต่ก็น่าอยู่มากๆ
เป็นครั้งแรกที่ได้ทำหน้าที่เจ้าภาพ
เพราะก่อนหน้านี้ ได้แต่ไปเป็นเเขกเค้า ไม่เคยได้มีโอกาสต้อนรับ
หรือเชิญใครมาบ้านเลย..
สองคนก็ตื่นเต้นกันน่าดู เตรียมโน่นนี่นั่น เงอะๆงะๆ
แต่ผ่านไปด้วยดีก็โล่งใจ..
อีกไม่กี่วัน ครอบครัวเดวิดก็จะมาเยี่ยมอีก
ต้องเตรียมต้อนรับแขกอีกครั้ง..
ทำอะไรให้กินดีน๊อ..
19.10.10
Picking Pumpkin..
16 ตค 2010
วันนี้เดวิดพาไปเก็บฟักทองที่ไร่ Ard ขับรถจากบ้านไปประมาณ 25-30 นาทีก็ถึงฟาร์ม
คนค่อนข้างเยอะ เพราะวันนี้อากาศดีมาก ไม่เย็น และแดดออกดีสุดๆ
ที่ฟาร์มมีฟักทองที่ตัดกองไว้ให้เลือก อยากได้ลูกไหน ขนาดไหนก็เลือกได้ตามสบาย
ราคาก็มีต่างกันไป แต่ไม่แพงมากนัก มีตั้งแต่ 3 for $10 จนถึงลูกละ $10 (คือใหญ่มากๆอ่ะ)
นอกจากที่ตัดไว้ให้เลือกแล้ว เราก็สามารถไปเลือกเก็บได้เองจากไร่เลย
โดยเสียคนละ $5 เหรียญ จะมีรถแทรกพาไปเลือกฟักทองที่ไร่ (ได้คนละลูก ใหญ่เล็กแล้วแต่ชอบ)
ต้องบอกว่า ผิดหวังนิดหน่อยที่ฟักทองไม่เยอะ หรือใหญ่โตอลังเหมือนที่คาดไว้
อาจเป็นเพราะเริ่มเป็นชุดหลังๆแล้วก็ได้ เพราะมันก็กลางต.ค. แล้ว ใกล้ ฮัลโลวีนเข้าไปทุกที
ก็เลยเหลือแค่พอหางๆ พอได้ทำกิจกรรมนิดหน่อย (ก็ยังดี)
ก็ได้ฟักทองมาคนละลูก ลูกใหญ่หนึ่งลูก กะลูกกลางๆอีกลูก
เสร็จจากไร่ฟักทองแล้ว ก็ขับเลยไร่ไปอีกหน่อย เพื่อหามื้อเย็นกินกัน
แวะกินมื้อเย็นที่ Cruisers' Cafe
เป็นร้านอาหารตกแต่งยุค 50 เน้น
มื้อนี้เดวิดสั่ง เบอร์เกอร์ไก่ กะ Onion rings ส่วนหยกก็ chicken stix + fries
เมื่ออิ่มหนำก็ออกมาถ่ายรูปเล่นหน้าร้าน..
แต่ก่อนที่นี่เป็นปั๊มน้ำมันเก่ามาก่อน เมื่อเซ้งมาทำร้านอาหาร ก็ยังคงเก็บปั๊มด้านหน้าไว้
น่ารักดีนะ..
ตกเย็น พระอาทิตย์ลับไปหลังเขา อากาศเริ่มเย็นลง ก็ได้เวลากลับบ้าน..
วันนี้เดวิดพาไปเก็บฟักทองที่ไร่ Ard ขับรถจากบ้านไปประมาณ 25-30 นาทีก็ถึงฟาร์ม
คนค่อนข้างเยอะ เพราะวันนี้อากาศดีมาก ไม่เย็น และแดดออกดีสุดๆ
ที่ฟาร์มมีฟักทองที่ตัดกองไว้ให้เลือก อยากได้ลูกไหน ขนาดไหนก็เลือกได้ตามสบาย
ราคาก็มีต่างกันไป แต่ไม่แพงมากนัก มีตั้งแต่ 3 for $10 จนถึงลูกละ $10 (คือใหญ่มากๆอ่ะ)
นอกจากที่ตัดไว้ให้เลือกแล้ว เราก็สามารถไปเลือกเก็บได้เองจากไร่เลย
โดยเสียคนละ $5 เหรียญ จะมีรถแทรกพาไปเลือกฟักทองที่ไร่ (ได้คนละลูก ใหญ่เล็กแล้วแต่ชอบ)
ต้องบอกว่า ผิดหวังนิดหน่อยที่ฟักทองไม่เยอะ หรือใหญ่โตอลังเหมือนที่คาดไว้
อาจเป็นเพราะเริ่มเป็นชุดหลังๆแล้วก็ได้ เพราะมันก็กลางต.ค. แล้ว ใกล้ ฮัลโลวีนเข้าไปทุกที
ก็เลยเหลือแค่พอหางๆ พอได้ทำกิจกรรมนิดหน่อย (ก็ยังดี)
ก็ได้ฟักทองมาคนละลูก ลูกใหญ่หนึ่งลูก กะลูกกลางๆอีกลูก
เสร็จจากไร่ฟักทองแล้ว ก็ขับเลยไร่ไปอีกหน่อย เพื่อหามื้อเย็นกินกัน
แวะกินมื้อเย็นที่ Cruisers' Cafe
เป็นร้านอาหารตกแต่งยุค 50 เน้น
มื้อนี้เดวิดสั่ง เบอร์เกอร์ไก่ กะ Onion rings ส่วนหยกก็ chicken stix + fries
เมื่ออิ่มหนำก็ออกมาถ่ายรูปเล่นหน้าร้าน..
แต่ก่อนที่นี่เป็นปั๊มน้ำมันเก่ามาก่อน เมื่อเซ้งมาทำร้านอาหาร ก็ยังคงเก็บปั๊มด้านหน้าไว้
น่ารักดีนะ..
ตกเย็น พระอาทิตย์ลับไปหลังเขา อากาศเริ่มเย็นลง ก็ได้เวลากลับบ้าน..
18.10.10
Unload my stuff..
15 ตค 2010
วันนี้หยกตื่นเช้า เพราะเมื่อคืนได้นอนเต็มอิ่ม
ก็จัดการเอาของออกจากกระเป๋า
ก็เลยรู้ว่า อ้อ เค้าเปิดกระเป๋าตรวจนะ แต่เราไม่ได้อยู่ด้วย
เป็นการซุ่มตรวจ (ประมาณผ่านสแกนแล้วเห็นว่า มีของกินมาก็เลยตรวจดูว่า เอาอะไรต้องห้ามเข้ามามั้ย
แต่หยกเขียนทุกอย่างไว้ในกระเป๋า เค้าก็เลยไม่อะไรมาก เพราะไม่เห็นว่าอะไรหายไปเลย
แม้แต่เม็ดผักที่เอามาด้วย ก็ยังอยู่ ไม่เห็นเข้ายึดไป หรืออาจจะไม่เห็นก็ได้
(แต่คราวหน้าคงไม่เอามาแล้ว เพราะแอบเครียดเหมือนกัน ฮ่าๆๆ)
แล้วก็พบว่า กระปุกเครื่องดื่มดอกคำฝอยที่ซื้อมา แตก Y_Y
เม็ดน้ำตาลกระจายไปทั่วกระเป๋าเลย
น้ำตาจะไหล.. (เสียดายทั้งของ เหนื่อยจะคลีนด้วย Y_Y)
แต่ก็คิดว่า โชคดีกว่าที่ขวดซอสแตก
เพราะนี่ยังทำความสะอาดง่ายและไม่ทำความเสียหายต่อกระเป๋ามากนัก
ก็เอาของต่างๆจัดเข้าที่ รวมทั้งของกินที่แบกมาด้วย
ชั้นตู้ตรงครัวใกล้ๆตู้เย็น เต็มเอียดไปด้วย ของที่ขนมา
แป้งและ ingredients สำหรับทำกับข้าวและขนม (ที่เก็บมาด้วยตอนย้ายบ้าน)
ตู้ด้านล่างตรงครัว เป็นที่เก็บเครื่องปรุงต่างๆที่ยังไม่ได้เปิดใช้ เช่น ซอส
ตู้เย็น(ใหญ่) ยังไม่ได้ออกไปซื้อของเข้ามาใส่
(ตอนนี้เด็มไปด้วยผักและเนื้อต่างๆ พร้อมทำกับข้าวเต็มที่ ฮ่าๆๆ)
หลังจากจัดการอันโหลด กระเป๋าอยู่พักใหญ่
ท้องก็เริ่มหิว หันไปมา เอาง่ายๆเข้าว่า..
มื้อแรกหลังจากกลับมาเมกานี่แลย.. มาม่า.. กร๊ากกกกก..
เป็นมาม่าที่โน่นนะ ไม่ใช่ มาม่า อร่อย ของบ้านเรา
หลังจากจัดข้าวของเข้าที่(เกือบ)เสร็จ ระหว่างรอเดวิดพาไปซื้อของ
ก็ถ่ายรูปเล่นๆ
โซฟาที่หา(เลือก)กันนานมาก กว่าจะเจอที่ถูกใจทั้งแบบ หนัง และราคา
ดอกไม้ที่เดวิดสั่งมาให้.. น่ารักดี จัดเป็น Theme ฮัลโลวีน
ส่วนช้าง เป็นของฝากจากพ่อปม่พี่มาร์ช ฝากมาให้เดวิด สวยดีๆ
(โชคดีที่ไม่แตกตอนขนมา)
นี่เป็นป้ายที่เดวิดใช้ไปรับที่สนามบิน
พ่อคุณก็ช่างไปสรรหามา..
ประทับใจๆ น่ารักดีนะ ผัวกุเนี่ย.. Y_Y
แล้วเดวิดก็มารับไปซื้อของกัน ประมาณบ่ายสองกว่าๆ
วันนี้ไปหลายที่มาก หาซื้อของต่างๆตามที่ทำลิสต์ไว้
ไป Kohl’s, Target, Giant, Walmart
หมดไปเป็นวันๆเลย.. ได้ของมาหลายอย่าง ทั้งหมอนโซฟา ผ้าปูที่นอน ชุดนอน
ของกิน ผัก เครื่องแต่งบ้าน (สำหรับวันฮัลโลวีน)
กลับมาก็อุ่นพิซซ่ากิน กับไก่
พรุ่งนี้เดวิดจะพาไปฟาร์ม เพื่อซื้อฟักทองสำหรับวันฮัลโลวีน เย้ๆๆ
วันนี้หยกตื่นเช้า เพราะเมื่อคืนได้นอนเต็มอิ่ม
ก็จัดการเอาของออกจากกระเป๋า
ก็เลยรู้ว่า อ้อ เค้าเปิดกระเป๋าตรวจนะ แต่เราไม่ได้อยู่ด้วย
เป็นการซุ่มตรวจ (ประมาณผ่านสแกนแล้วเห็นว่า มีของกินมาก็เลยตรวจดูว่า เอาอะไรต้องห้ามเข้ามามั้ย
แต่หยกเขียนทุกอย่างไว้ในกระเป๋า เค้าก็เลยไม่อะไรมาก เพราะไม่เห็นว่าอะไรหายไปเลย
แม้แต่เม็ดผักที่เอามาด้วย ก็ยังอยู่ ไม่เห็นเข้ายึดไป หรืออาจจะไม่เห็นก็ได้
(แต่คราวหน้าคงไม่เอามาแล้ว เพราะแอบเครียดเหมือนกัน ฮ่าๆๆ)
แล้วก็พบว่า กระปุกเครื่องดื่มดอกคำฝอยที่ซื้อมา แตก Y_Y
เม็ดน้ำตาลกระจายไปทั่วกระเป๋าเลย
น้ำตาจะไหล.. (เสียดายทั้งของ เหนื่อยจะคลีนด้วย Y_Y)
แต่ก็คิดว่า โชคดีกว่าที่ขวดซอสแตก
เพราะนี่ยังทำความสะอาดง่ายและไม่ทำความเสียหายต่อกระเป๋ามากนัก
ก็เอาของต่างๆจัดเข้าที่ รวมทั้งของกินที่แบกมาด้วย
ชั้นตู้ตรงครัวใกล้ๆตู้เย็น เต็มเอียดไปด้วย ของที่ขนมา
แป้งและ ingredients สำหรับทำกับข้าวและขนม (ที่เก็บมาด้วยตอนย้ายบ้าน)
ตู้ด้านล่างตรงครัว เป็นที่เก็บเครื่องปรุงต่างๆที่ยังไม่ได้เปิดใช้ เช่น ซอส
ตู้เย็น(ใหญ่) ยังไม่ได้ออกไปซื้อของเข้ามาใส่
(ตอนนี้เด็มไปด้วยผักและเนื้อต่างๆ พร้อมทำกับข้าวเต็มที่ ฮ่าๆๆ)
หลังจากจัดการอันโหลด กระเป๋าอยู่พักใหญ่
ท้องก็เริ่มหิว หันไปมา เอาง่ายๆเข้าว่า..
มื้อแรกหลังจากกลับมาเมกานี่แลย.. มาม่า.. กร๊ากกกกก..
เป็นมาม่าที่โน่นนะ ไม่ใช่ มาม่า อร่อย ของบ้านเรา
หลังจากจัดข้าวของเข้าที่(เกือบ)เสร็จ ระหว่างรอเดวิดพาไปซื้อของ
ก็ถ่ายรูปเล่นๆ
โซฟาที่หา(เลือก)กันนานมาก กว่าจะเจอที่ถูกใจทั้งแบบ หนัง และราคา
ดอกไม้ที่เดวิดสั่งมาให้.. น่ารักดี จัดเป็น Theme ฮัลโลวีน
ส่วนช้าง เป็นของฝากจากพ่อปม่พี่มาร์ช ฝากมาให้เดวิด สวยดีๆ
(โชคดีที่ไม่แตกตอนขนมา)
นี่เป็นป้ายที่เดวิดใช้ไปรับที่สนามบิน
พ่อคุณก็ช่างไปสรรหามา..
ประทับใจๆ น่ารักดีนะ ผัวกุเนี่ย.. Y_Y
แล้วเดวิดก็มารับไปซื้อของกัน ประมาณบ่ายสองกว่าๆ
วันนี้ไปหลายที่มาก หาซื้อของต่างๆตามที่ทำลิสต์ไว้
ไป Kohl’s, Target, Giant, Walmart
หมดไปเป็นวันๆเลย.. ได้ของมาหลายอย่าง ทั้งหมอนโซฟา ผ้าปูที่นอน ชุดนอน
ของกิน ผัก เครื่องแต่งบ้าน (สำหรับวันฮัลโลวีน)
กลับมาก็อุ่นพิซซ่ากิน กับไก่
พรุ่งนี้เดวิดจะพาไปฟาร์ม เพื่อซื้อฟักทองสำหรับวันฮัลโลวีน เย้ๆๆ
Subscribe to:
Posts (Atom)