เดือนแรกของปี 2011
หลังจากเดืนอ ธค ที่ชีพจนลงเท้า เดินทางตลอด
เดือนมค นี่ตรงกันข้ามมากๆ
คือกลับมาสู่สภาวะปกติ ที่อยู่บ้านเสียส่วนใหญ่
เพราะอากาศเริ่มหนาว และหิมะตกเรื่อยๆ
ทำให้ไม่ค่อยอยากไปไหนด้วย อยู่บ้าน ถักนิตติ้งและทำโน่นนี่กินบ่อยขึ้น
มาดูกันว่า เดือนแรกของปี 2554 นี้ ทำอะไรกินไปบ้าง
Baby back ribs
ซื้อแบบหมักซอสสำเร็จมาแล้ว
แค่ยัดใส่เตาอบ 15-20 นาทีก็ได้กินแล้ว
(ถ้าแบบหมักเอง ต้องอบประมาณ 1-1.30 ชม.)
แต่ซอสไม่ค่อยถูกใจเท่าไร แต่เห็นลดราคาเลยซื้อมากิน
Oakmeal Fish
Shrimp&fish
ทำพร้อมกัน แต่เพราะปลาที่ซื้อมา ไม่พอสำหรับสองที่ ชิ้นเล็กและใหญ่
ก็เลยเพิ่มกุ้งไปด้วย เดวิดเป็นปลาชิ้นใหญ่ ชุบด้วยไข่ แป้ง และ โอ๊คมีล
ส่วนหยกก็ปลาชิ้นเล็ก กับกุ้ง ชุบแป้งโกกิ..
ส่วนเครื่องเคียงก็ แอ๊ปเปิ้ล หน่อไม้ฝรั่ง และถัวลันเตา ผัดเนย
ต้มกะหล่ำยำทะเล
เวลาทำต้มยำ ไม่อยากให้มีแค่พวกเนื้ออย่างเดียว
เลยใส่กะหล่ำไปด้วย เลยกลายเป็นต้มยำกะหล่ำไป..
ปลาอบเฮฟวี่ซอส
ทำซอสราดไปมั่ว ใช้เฮฟวี่ครีม ชีส ไข่แดง และเกลือ พริกไทย
หมูกระเทียมไข่ดาว
คราวนี้ผัดหวานๆหน่อย ใส่ซีอิ๊วดำด้วย
ออกมา อร่อยมากกก..
ไก่อบตะไคร้
ครั้งสุดท้ายที่ไปซื้อกับข้าว คว้าเอาตะไคร้มาด้วย
อยากทำไก่ย่างตะไคร้ แต่ยังไม่ได้ซื้อไก่ทั้งตัวมา
มีแต่น่อง ก็เลยลองทำดูก่อน
แม้กลิ่นตะไคร้จะอ่อนไปหน่อย แต่ออกมาถูกใจคุณสามีสุดๆ
ผัดพริกแกงเนื้อ
ได้พริกแกงมากระปุกหนึ่ง ก็ลองผัดพริกดู
แต่ใส่น้ำตาลเยอะไปหน่อย เลยออกมา หวานเจี๊ยบ.. -_-'
ต้มจืดซีโครงหมู
ซื้อซีโครงหมูมาอีกรอบ แต่คราวนี้เอามาทำต้มจืด
ต้มกับหัวไชเท้าที่ซื้อมา..
ซึโครงหมู และ หัวไชเท้า ออกมา น้ำซุปหวานอร่อย..
กลิ่นไม่ตลบเต็มบ้าน สามีก็ชอบมาก
คงได้ทำเรื่อยๆ..
ผัดเปรี้ยวหวานรวมมิตร
สุกี้ฉุกละหุก
พอดีว่า กลางวันอยู่บ้านคนเดียว แล้วหิวมาก
แต่อยากกินอะไร รสจัดๆ แต่มากกว่าแค่มาม่า
ก็เลย โช๊ะๆ อยู่ในครัวไม่เกินครึ่งชม. ก็ได้สุกี้มากิน แก้อยาก
น้ำพริกนรก
ครั้งล่าสุดที่ไปซื้อของ คว้าเอากระปุกนี้มาด้วย
จริงๆยืนคิดอยู่นานว่าจะเอาดีมั้ย
เพราะเคยเอาน้ำพริกนรกมาจากบ้าน แล้วไม่อร่อย (ของ ตา ย.)
แต่กระปุกนี้ ไช้ได้เลย อร่อยกลมกล่อม ไม่เผ็ดมาก
ตอนนี้ ติดกินกับข้าวตลอด ไม่ว่าจะทำอะไรกิน
ก็จะเอามากินเคียงด้วยตลอด.. อร่อยอ่ะ
ของหวาน
เค้กกล้วยหอม
เพราะที่บ้านซื้อกล้วยหอมติดบ้านไว้ตลอด
บางครั้งก็กินไม่ทัน กล้วยงอมจนดำ -_-'
ก็จะเอามาแปรรูปเป็น เค้กกล้วยหอม เอา
ซึ่งทำง่าย แล้วก็อร่อยด้วย เลยทำกินเรื่อยๆ
ครีมพัฟ
ก็มันอร่อย ทำง่าย แล้วก็กินกับวิปครีมที่ชอบ ก็เลยทำกินเรื่อยๆ
คัพเค้ก ครีมชีส
ได้สูตร ทำไอซิ่งครีมชีสมา ก็เลยลองทำดู
ออกมารสชาติดี ถูกใจสามี..
คุ้กกี้แยมแอนด์นัท
ซื้อหนังสือทำคุ๊กกี้มาเล่มหนึ่ง ก็ลองทำดู
ออกมาไม่ค่อยสวยเท่าไร แต่ก็ไม่น่าอาย
แต่คงไม่ได้ทำคุ๊กกี้พักใหญ่ เพราะคุณข้างบ้านทำมาให้กระป๋องใหญ่
รับคริสมาสต์และปีใหม่..
นานละ ยังกินไม่หมดเลย -_-'
สาคูเปียกข้าวโพด
หาสูตรในเน็ตแล้วลองทำดู และทำง่ายมากกกกก..
ถ้ามีมะพร้าวอ่อนด้วย คงจะอร่อยสุดๆไปเลย
Yolkshire pudding
ไปได้กินที่บ้านพี่สาวเดวิดมา แล้วอร่อยถูกใจมากๆ
รสชาติเหมือนปาท่องโก๋ เด๊ะๆเลย
กลับมาบ้านเลยหาสูตรแล้วลองทำกินดู
รสชาติโอเค แต่ไม่อร่อยหเหมือนที่กินก่อนหน้านี้
หมดละ..
อ้อ พอกลับมาจากทริปต่างๆ ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน และไม่ค่อยได้ทำอาหารหรืออบขนมมาก
ก็คิดว่าค่าไปเดือนนี้น่าจะน้อยลงกว่าเดือนก่อน
แต่ปรากฏว่า เพิ่มขึ้นกว่าเดิม ด้วยซ้ำ
อะไร ฟร๊ะ.. น้ำตาจะไหล Y_Y
เดือนนี้ก็ทำกินทุกวัน และอบขนมด้วย ต้องรอดูว่า ค่าไฟเดือนนี้จะล่อเข้าไปเท่าไร Y_Y
.. เรื่องเล่าเล็กๆ ของถั่วลันเตาเขียวๆ..
นอกจากเรื่องเล่าต่างๆ รอบๆตัวเรา ที่หยกนำมาเล่าสู่กันฟังแล้ว
ก็ฟังเพลงเพราะๆ ความหมายดีๆ ประกอบไปด้วย..
คงช่วยให้วันหรือช่วงเวลาที่น่าเบื่อของคุณ ดีขึ้นบ้างล่ะ..เนาะ ^^
ก็ฟังเพลงเพราะๆ ความหมายดีๆ ประกอบไปด้วย..
คงช่วยให้วันหรือช่วงเวลาที่น่าเบื่อของคุณ ดีขึ้นบ้างล่ะ..เนาะ ^^
29.1.11
เมนูอร่อย เดือน ธนู
เพราะช่วงเดือนธค. หยกไป นิวยอร์ก 2-3 วัน
กลับมาก็ยิงต่อไปแคนาดายาว จนหลังปีใหม่ ถึงได้กลับมาเมกา
ช่วงอยู่แคนาดา ไม่มีเน็ตใช้ (ที่บ้านพ่อแม่เดวิด) ประมาณ 2 อาทิตย์
ก็เลยไม่ได้อัพเดต อาหารที่ทำช่วงเดือน ธค.
ก็เลยเอามาลงช่วงเดือน มค. ที่เดียวเลย
มาดูกันว่า ทำอะไรกินบ้าง
ราดหน้า หมี่กรอบ
ทำง่ายกว่าที่คิด ก็ทำกินบ่อยๆ อร่อยๆ
ขนมจีนเขียวหวาน ทะเล
ผัดกระเพราเนื้อ ไร้กระเพรา (อีกละ) ไข่ดาว
ก็มันหากระเพราไม่ได้นี่หว่า แต่อยากกินผัดกระเพราอ่ะ
ไข่ยัดไส้
เน้นหมูสับ ทำไส้หวานๆหน่อย อร่อยมากมาย
ข้าวต้มทะเล
มีข้าวเย็นเหลือ กับอากาศหนาวๆ กินข้าวต้มร้อนๆ ชื่นใจ..
ผัดเขียวหวานเนื้อ
หน่อไม้กะเนื้อ และพริกเขียวหวานเหลืออยู่ แต่ไม่มีกะทิ
ขี้เกียจเปิดกะทิใหม่ ก็เลยทำเป็นผัดเขียวหวานไป..
เพราะพริกแกงเหลือน้อยไปหน่อย ก็เลยออกมาจืดๆ ไม่ค่อยเข้มข้น
ผัดกระหล่ำปลีหมู ใส่เห็ด
เมนูง่ายๆ ไวๆ แต่อร่อยๆ ถูกใจคุณสามี เพราะใส่เห็ดที่ชอบด้วย
ซีโครงหมูอบ
ไปเจอซีโครงหมูที่ซุปเปอร์มาแพคหนึ่ง ราคาค่อนข้างถูก แค่ เหรียญกว่าๆ
แต่เสียดายที่มันเยอะไปหน่อย พออบออกมา เลยมันๆ เลี่ยนๆไปนิด
หยกโอเคนะ แต่สามีไม่ค่อยปลื้ม ถึงจะอร่อย แต่ก็ยังกลัวอ้วน
(คิดว่า เอาไว้ใช้ทำน้ำซุปดีกว่า)
ก๋วยเตี๋ยวน่องไก่ กะหล่ำ
เป็นก๋วยเตี๋ยว(เส้นสด) ที่หยกชอบกินมาก เพราะทำง่าย และไม่ใช้เวลามาก
แค่ปรุงรสจัดๆหน่อย ก็ออกมาแซ่บเหมือนกินก๋วยเตี๋ยวบ้านเราแล้ว
(เพราะไม่อยากให้บ้านเหม็นตลบ ก็เลยไม่ได้ทำกระเทียมเจียวโรย
ถ้ามีกระเทียมเจียวด้วย จะหอม และครบเครื่องกว่านี้)
ผัดมาม่า กู้ชาติ
เบื่อๆเซ็งๆ ก็ทำผัดมาม่ากิน.. ยุ่งยากนิดหน่อย
แต่ก็ได้สารอาหารมากกว่าแค่ต้มน้ำกินอย่างเดียว
ก๋วยเตียวต้มยำหมูสับลูกชิ้นปลา
กระหน่ำพริกและมะนาว แซ่บอย่างที่เห็น..
การปรุงรสให้อร่อย ยังไง น้ำส้มสายชู ก็สู้น้ำมะนาวสดๆไม่ได้..
ของหวานจ้า
เค้กช็อควิปครีม..
ถ้าโรยด้วยช็อคขูดเยอะ ก็จะเป็น Black Forest
แต่ขี้เกียจ ก็เลยโรยแค่ ช้อค สปริงเกิล และมะพร้าว พอ..
ตอนทำก็สนุกดีนะ เสร็จออกมาแล้วก็ภูมิใจ
แต่สองคน กินกันหลายวันเลย กว่าจะหมด.. เฮ้อ
เค้กช้อค
ลองทำเค้กเอง เพราะปกติใช้แป้งเค้กสำเร็จที่แติมแค่ น้ำ ไข่ และน้ำมัน
แต่อันนี้ต้องผสมและตวง แป้ง ผงฟู ผงโกโก้ โน่นนั่นเอง
ออกมาก็โอเค แต่ยุ่งยาก ฮ่าๆๆ
คุ้กกี้ ลูกเกดและเครนเบอร์รี่
อบแจกเพื่อนเดวิดที่ทำงาน
เอาใส่ถุงน่ารักๆ แล้วแจกพร้อมไวน์ รับวันคริสมาสต์และปีใหม่จ่ะ
ถักหมวกและผ้าพันคอใส่ขวดไวน์ ก็ดูน่ารักดี
เดือน ธค ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน
แต่พออัพอาหารแล้ว ถึงได้รู้ว่า เออ ก็ทำกินมากกว่าที่คิดแฮะ..
กลับมาก็ยิงต่อไปแคนาดายาว จนหลังปีใหม่ ถึงได้กลับมาเมกา
ช่วงอยู่แคนาดา ไม่มีเน็ตใช้ (ที่บ้านพ่อแม่เดวิด) ประมาณ 2 อาทิตย์
ก็เลยไม่ได้อัพเดต อาหารที่ทำช่วงเดือน ธค.
ก็เลยเอามาลงช่วงเดือน มค. ที่เดียวเลย
มาดูกันว่า ทำอะไรกินบ้าง
ราดหน้า หมี่กรอบ
ทำง่ายกว่าที่คิด ก็ทำกินบ่อยๆ อร่อยๆ
ขนมจีนเขียวหวาน ทะเล
ผัดกระเพราเนื้อ ไร้กระเพรา (อีกละ) ไข่ดาว
ก็มันหากระเพราไม่ได้นี่หว่า แต่อยากกินผัดกระเพราอ่ะ
ไข่ยัดไส้
เน้นหมูสับ ทำไส้หวานๆหน่อย อร่อยมากมาย
ข้าวต้มทะเล
มีข้าวเย็นเหลือ กับอากาศหนาวๆ กินข้าวต้มร้อนๆ ชื่นใจ..
ผัดเขียวหวานเนื้อ
หน่อไม้กะเนื้อ และพริกเขียวหวานเหลืออยู่ แต่ไม่มีกะทิ
ขี้เกียจเปิดกะทิใหม่ ก็เลยทำเป็นผัดเขียวหวานไป..
เพราะพริกแกงเหลือน้อยไปหน่อย ก็เลยออกมาจืดๆ ไม่ค่อยเข้มข้น
ผัดกระหล่ำปลีหมู ใส่เห็ด
เมนูง่ายๆ ไวๆ แต่อร่อยๆ ถูกใจคุณสามี เพราะใส่เห็ดที่ชอบด้วย
ซีโครงหมูอบ
ไปเจอซีโครงหมูที่ซุปเปอร์มาแพคหนึ่ง ราคาค่อนข้างถูก แค่ เหรียญกว่าๆ
แต่เสียดายที่มันเยอะไปหน่อย พออบออกมา เลยมันๆ เลี่ยนๆไปนิด
หยกโอเคนะ แต่สามีไม่ค่อยปลื้ม ถึงจะอร่อย แต่ก็ยังกลัวอ้วน
(คิดว่า เอาไว้ใช้ทำน้ำซุปดีกว่า)
ก๋วยเตี๋ยวน่องไก่ กะหล่ำ
เป็นก๋วยเตี๋ยว(เส้นสด) ที่หยกชอบกินมาก เพราะทำง่าย และไม่ใช้เวลามาก
แค่ปรุงรสจัดๆหน่อย ก็ออกมาแซ่บเหมือนกินก๋วยเตี๋ยวบ้านเราแล้ว
(เพราะไม่อยากให้บ้านเหม็นตลบ ก็เลยไม่ได้ทำกระเทียมเจียวโรย
ถ้ามีกระเทียมเจียวด้วย จะหอม และครบเครื่องกว่านี้)
ผัดมาม่า กู้ชาติ
เบื่อๆเซ็งๆ ก็ทำผัดมาม่ากิน.. ยุ่งยากนิดหน่อย
แต่ก็ได้สารอาหารมากกว่าแค่ต้มน้ำกินอย่างเดียว
ก๋วยเตียวต้มยำหมูสับลูกชิ้นปลา
กระหน่ำพริกและมะนาว แซ่บอย่างที่เห็น..
การปรุงรสให้อร่อย ยังไง น้ำส้มสายชู ก็สู้น้ำมะนาวสดๆไม่ได้..
ของหวานจ้า
เค้กช็อควิปครีม..
ถ้าโรยด้วยช็อคขูดเยอะ ก็จะเป็น Black Forest
แต่ขี้เกียจ ก็เลยโรยแค่ ช้อค สปริงเกิล และมะพร้าว พอ..
ตอนทำก็สนุกดีนะ เสร็จออกมาแล้วก็ภูมิใจ
แต่สองคน กินกันหลายวันเลย กว่าจะหมด.. เฮ้อ
เค้กช้อค
ลองทำเค้กเอง เพราะปกติใช้แป้งเค้กสำเร็จที่แติมแค่ น้ำ ไข่ และน้ำมัน
แต่อันนี้ต้องผสมและตวง แป้ง ผงฟู ผงโกโก้ โน่นนั่นเอง
ออกมาก็โอเค แต่ยุ่งยาก ฮ่าๆๆ
คุ้กกี้ ลูกเกดและเครนเบอร์รี่
อบแจกเพื่อนเดวิดที่ทำงาน
เอาใส่ถุงน่ารักๆ แล้วแจกพร้อมไวน์ รับวันคริสมาสต์และปีใหม่จ่ะ
ถักหมวกและผ้าพันคอใส่ขวดไวน์ ก็ดูน่ารักดี
เดือน ธค ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน
แต่พออัพอาหารแล้ว ถึงได้รู้ว่า เออ ก็ทำกินมากกว่าที่คิดแฮะ..
26.1.11
Lost & Found
เมื่อวานออกไปกินข้าวที่มหาลัย
เดวิดซื้อแพคเกจไว้ $100
คือที่ มหาลัยเป็นแบบ กินนอน
เด็กที่พักอยู่ที่มหาลัยก็จะรวมค่าอาหารด้วย
ซึ่งอาหารที่ โรงอาหาร จะเป็นแบบบุฟเฟต์
กลางวัน คนละ $3.50
มื้อเย็นคนละ $4.50 เท่านั้น
แล้วอาหารเยอะมาก เลือกเอาเลยว่าอยากกินอะไร
(พฤหัสหน้าเป็น spring rolls, shusi >_<)
วันเบื่อๆ ก็ไปกินที่มหาลัย
ซึ่งถูกมากๆ สองคน ไม่ถึง $10
มีเครื่องดื่ม (นม ด้วย) ของหวาน อย่าง เค้ก คุ้กกี้ พาย และไอศครีม ว้าววว..
จริงๆอยากถ่ายรูปมาให้ดู
แต่คนเยอะมาก.. อายนิดๆ กระดากหน่อยๆ
ก็เลยไม่ได้ถ่าย แห่ะๆ
เมื่อวานก็ไปกินมา..
อิ่มหนำกันไป สองผัวเมีย
ประมาณ ทุ่มหน่อยๆ ก็กลับบ้าน
ระหว่างทางเดิน(ต้วมเตี้ยม)กลับไปขึ้นรถ
อีเมียลั้ลลาเล่นหิมะ ข้างทาง เดินตามสามีไปเรื่อยๆ
แล้วเดวิดก็หยุดเดิน แล้วร้อง โอ๊ะ โอ๊ะ..
พร้อมชี้ให้ดูกระดาษ บนทางเดิน
แบงค์ $10 !!! 2 ใบ!!!
เดวิดเห็นใบเดียว อีเมียเห็นสองใบเลย ฮ่าๆๆๆ
อีเมียก้มลง คว้าหมับๆ พลิกหน้าหลัง
ของจริงๆผัวขา >_<
เดวิดบอก เฮ้ย วางลงไปที่เดิม!!
อีเมียตกใจ ทิ้งเงินลงพิ้น O_O'??
เดวิดบอก มีกล้องซ่อนตรงไหนหรือเปล่า?
โดนทดสอบอะไรอยู่หรือเปล่า?
อีเมีย -_____- นะ คิดไปได้
แต่ก็ หันซ้ายขวา มองรอบๆ ไม่มีใคร
(คือ เพิ่งดู รายการ What would you do? มาไง ฮ่าๆๆ)
ยืนถกกันอยู่ตรงนั้นประมาณ 10 นาที
กับเงิน $20 ที่นอนอยู่บนพื้น
เดวิดลังเลอยู่ว่า จะเก็บเงิน หรือทิ้งไว้อย่างนั้น
เพราะเผื่อว่าเจ้าของอาจจะกลับมา หาเงินที่ทำตกไว้
แต่ก็กลัวว่า คนอื่นที่ไม่ใช่
จะมาเจอแล้วเอาไปเสียก่อน (คนอื่น อย่างเช่น อีเมียเป็นต้น)
เดวิดรู้สึกผิด ถ้าจะเก็บเงินไว้
แต่อีเมียบอก เจ้าของอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ทำเงินตกไว้ก็ได้
ถ้าเป็นกระเป๋าเงิน ที่มีเอกสารที่ตามตัวเจ้าของได้
ยังไงก็ต้องตามหาเจ้าของแล้วส่งคืนแน่ๆ
แต่นี่ มันยากไปหน่อย ที่จะหาเจ้าของอ่ะ
(ถ้าเป็นร้อย หรือพันๆเหรียญ ก็ว่าไปอย่าง นี่แค่ $20 -_-')
เดวิดยังมีต่ออีกว่า แต่นี่ก็มากกว่าที่บางคนสามารถหาได้ทั้งวันนะ
โอ้.. คิดไปนั่น..
จากบทสนทนา รู้เลยว่า ใครอยู่ฝ่ายมืด ใครอยู่ฝ่ายสว่าง
ก๊ากกกกกกกก..
ปกติ เวลาบอกใครๆว่า เก็บเงินได้นะ เก็บของได้นะ
เค้าอาจจะคิดว่า เออ โชคดีนะ
แต่ไอ้คนเก็บได้ อาจจะไม่รู้สึกโชคดีก็ได้นะ
ประมาณว่า ถ้าตูไม่ต้องมาเจอของคนอื่นที่ทำหายไว้
คงไม่ต้องมานั่งสองจิตสองใจ ว่า จะเก็บ หรือจะคืนดี?
จริงมะ?
ปล. สรุป ก็เก็บเงินมาล่ะ..
เดวิดบอก เอาไว้บริจาคที่ไหนซักแห่งละกัน จะได้ไม่รู้สึกผิด(มาก) :P
.
เดวิดซื้อแพคเกจไว้ $100
คือที่ มหาลัยเป็นแบบ กินนอน
เด็กที่พักอยู่ที่มหาลัยก็จะรวมค่าอาหารด้วย
ซึ่งอาหารที่ โรงอาหาร จะเป็นแบบบุฟเฟต์
กลางวัน คนละ $3.50
มื้อเย็นคนละ $4.50 เท่านั้น
แล้วอาหารเยอะมาก เลือกเอาเลยว่าอยากกินอะไร
(พฤหัสหน้าเป็น spring rolls, shusi >_<)
วันเบื่อๆ ก็ไปกินที่มหาลัย
ซึ่งถูกมากๆ สองคน ไม่ถึง $10
มีเครื่องดื่ม (นม ด้วย) ของหวาน อย่าง เค้ก คุ้กกี้ พาย และไอศครีม ว้าววว..
จริงๆอยากถ่ายรูปมาให้ดู
แต่คนเยอะมาก.. อายนิดๆ กระดากหน่อยๆ
ก็เลยไม่ได้ถ่าย แห่ะๆ
เมื่อวานก็ไปกินมา..
อิ่มหนำกันไป สองผัวเมีย
ประมาณ ทุ่มหน่อยๆ ก็กลับบ้าน
ระหว่างทางเดิน(ต้วมเตี้ยม)กลับไปขึ้นรถ
อีเมียลั้ลลาเล่นหิมะ ข้างทาง เดินตามสามีไปเรื่อยๆ
แล้วเดวิดก็หยุดเดิน แล้วร้อง โอ๊ะ โอ๊ะ..
พร้อมชี้ให้ดูกระดาษ บนทางเดิน
แบงค์ $10 !!! 2 ใบ!!!
เดวิดเห็นใบเดียว อีเมียเห็นสองใบเลย ฮ่าๆๆๆ
อีเมียก้มลง คว้าหมับๆ พลิกหน้าหลัง
ของจริงๆผัวขา >_<
เดวิดบอก เฮ้ย วางลงไปที่เดิม!!
อีเมียตกใจ ทิ้งเงินลงพิ้น O_O'??
เดวิดบอก มีกล้องซ่อนตรงไหนหรือเปล่า?
โดนทดสอบอะไรอยู่หรือเปล่า?
อีเมีย -_____- นะ คิดไปได้
แต่ก็ หันซ้ายขวา มองรอบๆ ไม่มีใคร
(คือ เพิ่งดู รายการ What would you do? มาไง ฮ่าๆๆ)
ยืนถกกันอยู่ตรงนั้นประมาณ 10 นาที
กับเงิน $20 ที่นอนอยู่บนพื้น
เดวิดลังเลอยู่ว่า จะเก็บเงิน หรือทิ้งไว้อย่างนั้น
เพราะเผื่อว่าเจ้าของอาจจะกลับมา หาเงินที่ทำตกไว้
แต่ก็กลัวว่า คนอื่นที่ไม่ใช่
จะมาเจอแล้วเอาไปเสียก่อน (คนอื่น อย่างเช่น อีเมียเป็นต้น)
เดวิดรู้สึกผิด ถ้าจะเก็บเงินไว้
แต่อีเมียบอก เจ้าของอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ทำเงินตกไว้ก็ได้
ถ้าเป็นกระเป๋าเงิน ที่มีเอกสารที่ตามตัวเจ้าของได้
ยังไงก็ต้องตามหาเจ้าของแล้วส่งคืนแน่ๆ
แต่นี่ มันยากไปหน่อย ที่จะหาเจ้าของอ่ะ
(ถ้าเป็นร้อย หรือพันๆเหรียญ ก็ว่าไปอย่าง นี่แค่ $20 -_-')
เดวิดยังมีต่ออีกว่า แต่นี่ก็มากกว่าที่บางคนสามารถหาได้ทั้งวันนะ
โอ้.. คิดไปนั่น..
จากบทสนทนา รู้เลยว่า ใครอยู่ฝ่ายมืด ใครอยู่ฝ่ายสว่าง
ก๊ากกกกกกกก..
ปกติ เวลาบอกใครๆว่า เก็บเงินได้นะ เก็บของได้นะ
เค้าอาจจะคิดว่า เออ โชคดีนะ
แต่ไอ้คนเก็บได้ อาจจะไม่รู้สึกโชคดีก็ได้นะ
ประมาณว่า ถ้าตูไม่ต้องมาเจอของคนอื่นที่ทำหายไว้
คงไม่ต้องมานั่งสองจิตสองใจ ว่า จะเก็บ หรือจะคืนดี?
จริงมะ?
ปล. สรุป ก็เก็บเงินมาล่ะ..
เดวิดบอก เอาไว้บริจาคที่ไหนซักแห่งละกัน จะได้ไม่รู้สึกผิด(มาก) :P
.
13.1.11
ตะลุย นิวยอร์กซิตี้ Day-3
21 ธค 2010
วันที่สาม วันสุดท้ายของทริปนี้
หลังจาก c/o จาก รร. ก็นั่งเรือข้ามไปฝั่งนิวยอร์กอีกครั้ง
เช้านี้เลือกนั่งรถบัสสาย Uptown
ไปลงที่ Central Park สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของนิวยอร์ก
แวะกินมื้อเช้ากันก่อน เพรทเซทนุ่มไส้ชีส อร่อยมากกก..
เป็นเช้าอีกวันที่อากาศดีมาก แดดดีทั้งวัน ลมไม่แรง ทำให้ไม่หนาวมาก
ที่สวนนี้ด้านใต้ มีลานสเก็ตให้เล่นด้วย
หยกกะเดวิดแบกเอาสเก็ตไปด้วยแต่ไม่ได้เล่นเพราะ ค่าเล่นค่อนข้างแพง คนละ $10 แน่ะ
เลยตัดสินใจว่า ไว้กลับไปเล่นที่แคนาดาดีกว่า ไม่เสียตังค์ -_-'
เพราะสวนนี้ใหญ่มาก จึงมีรถม้ารับจ้างพาชมรอบสวน ไม่ได้เช็คว่าเท่าไร แต่คาดว่าน่าจะสูงอยู่
พอใกล้เที่ยง ก็เดินออกมาจากสวนไม่ไกลก็ถึงร้านอาหารที่เพื่อนแนะนำมา
Serendipity 3 เป็นร้านอาหารเล็ก ถึงเล็กมากกกก..
พอเข้าไปในร้าน ปรากฏว่า คนเยอะมากกก.. ต้องรอประมาณ 1 ชม กว่าจะถึงคิว -_-'
แต่ก็ลงชื่อทิ้งไว้ แล้วออกไปเดินเล่นรอบนอกฆ่าเวลา
แวะร้านขนมๆใกล้ๆ Dylan's candy shop
เป็นร้านแคนดี้ ที่มีขนมเยอะมาก (คนเยอะมากเช่นกัน)
นั่งเล่น เดินเล่น ถ่ายรูปเล่น จนผ่านไป 1 ชม. ก็กลับมาที่ร้านอาหาร
คนเยอะกว่าเดิมอีกนะเนี่ย -_-' แต่ก็ได้โต๊ะพอดี
ได้โต๊ะที่ชั้นสอง ซึ่งก็เล็กไม่ผิดไปจากชั้นล่าง
พนักงานเป็นกันเองมากๆ แนะนำอาหารต่างๆ
หยกสั่งปีกไก่อบ ส่วนเดวิดเป็นแซนวิชชีส
ปิดท้ายด้วยของกวานอันขึ้นชื่อ Frozen Hot Chocolate $8.50
เมื่อกินอิ่มสมใจก็ได้เวลากลับบ้านแล้ว
นั่งเรือกลับมาที่ รร. แล้วก็ขับรถกลับบ้าน
เพราะออกจากนิวยอร์กประมาณ บ่าย 3 เป็นช่วง rush hour พอดี
รถติดมากกกกกกกก..
ค่อยๆกระดื้บๆ ไป นั่งรถจนเบื่อเลย แล้วก็เหนื่อยมากๆ
แต่ก็กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ..
หลังจากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ นิวยอร์กก็โดนพายุหิมะเข้า
ทำให้สนามบินหลายที่ยกเลิกเที่ยวบิน อีกทั้งหิมะเต็มไปหมดทั้งเมือง
จากที่ดูข่าว เมืองเงียบมากๆ ทั้งๆที่เป็นช่วงพีคของปี คือคริสมาสต์
รู้สึกโชคดีที่เลือกไปวีคนั้น ทั้งสามวัน อากาศดีทุกวัน ทำให้ถ่ายรูปออกมาได้สวย
การเดินทางหรือเดินเที่ยวรอบตัวเมืองนิวยอร์กก็สบายๆ (อากาศเย็นแต่ไม่ถึงกับเกินไป)
ตั้งใจไว้ว่า ซัมเมอร์จะไปกันอีก จะได้เดินชิวๆสบายๆ ไม่ต้องแต่งตัวรุงรังอย่างหน้าหนาว
ที่มีทั้งแจ็คเก็ต หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอ บลาๆ
จะถ่ายรูปที ก็ต้องถอดถุงมือ แล้วก็ต้องรีบๆถ่าย เพราะนิ้วเย็นจนเจ็บ
แล้วคงไปแค่คืนเดียว ไม่ก็ไปเช้าเย็นกลับ
เพราะค่า รร. กะที่จอดรถ แพงมากเจ้าค่ะ Y_Y
วันที่สาม วันสุดท้ายของทริปนี้
หลังจาก c/o จาก รร. ก็นั่งเรือข้ามไปฝั่งนิวยอร์กอีกครั้ง
เช้านี้เลือกนั่งรถบัสสาย Uptown
ไปลงที่ Central Park สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของนิวยอร์ก
แวะกินมื้อเช้ากันก่อน เพรทเซทนุ่มไส้ชีส อร่อยมากกก..
เป็นเช้าอีกวันที่อากาศดีมาก แดดดีทั้งวัน ลมไม่แรง ทำให้ไม่หนาวมาก
ที่สวนนี้ด้านใต้ มีลานสเก็ตให้เล่นด้วย
หยกกะเดวิดแบกเอาสเก็ตไปด้วยแต่ไม่ได้เล่นเพราะ ค่าเล่นค่อนข้างแพง คนละ $10 แน่ะ
เลยตัดสินใจว่า ไว้กลับไปเล่นที่แคนาดาดีกว่า ไม่เสียตังค์ -_-'
เพราะสวนนี้ใหญ่มาก จึงมีรถม้ารับจ้างพาชมรอบสวน ไม่ได้เช็คว่าเท่าไร แต่คาดว่าน่าจะสูงอยู่
พอใกล้เที่ยง ก็เดินออกมาจากสวนไม่ไกลก็ถึงร้านอาหารที่เพื่อนแนะนำมา
Serendipity 3 เป็นร้านอาหารเล็ก ถึงเล็กมากกกก..
พอเข้าไปในร้าน ปรากฏว่า คนเยอะมากกก.. ต้องรอประมาณ 1 ชม กว่าจะถึงคิว -_-'
แต่ก็ลงชื่อทิ้งไว้ แล้วออกไปเดินเล่นรอบนอกฆ่าเวลา
แวะร้านขนมๆใกล้ๆ Dylan's candy shop
เป็นร้านแคนดี้ ที่มีขนมเยอะมาก (คนเยอะมากเช่นกัน)
นั่งเล่น เดินเล่น ถ่ายรูปเล่น จนผ่านไป 1 ชม. ก็กลับมาที่ร้านอาหาร
คนเยอะกว่าเดิมอีกนะเนี่ย -_-' แต่ก็ได้โต๊ะพอดี
ได้โต๊ะที่ชั้นสอง ซึ่งก็เล็กไม่ผิดไปจากชั้นล่าง
พนักงานเป็นกันเองมากๆ แนะนำอาหารต่างๆ
หยกสั่งปีกไก่อบ ส่วนเดวิดเป็นแซนวิชชีส
ปิดท้ายด้วยของกวานอันขึ้นชื่อ Frozen Hot Chocolate $8.50
เมื่อกินอิ่มสมใจก็ได้เวลากลับบ้านแล้ว
นั่งเรือกลับมาที่ รร. แล้วก็ขับรถกลับบ้าน
เพราะออกจากนิวยอร์กประมาณ บ่าย 3 เป็นช่วง rush hour พอดี
รถติดมากกกกกกกก..
ค่อยๆกระดื้บๆ ไป นั่งรถจนเบื่อเลย แล้วก็เหนื่อยมากๆ
แต่ก็กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ..
หลังจากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ นิวยอร์กก็โดนพายุหิมะเข้า
ทำให้สนามบินหลายที่ยกเลิกเที่ยวบิน อีกทั้งหิมะเต็มไปหมดทั้งเมือง
จากที่ดูข่าว เมืองเงียบมากๆ ทั้งๆที่เป็นช่วงพีคของปี คือคริสมาสต์
รู้สึกโชคดีที่เลือกไปวีคนั้น ทั้งสามวัน อากาศดีทุกวัน ทำให้ถ่ายรูปออกมาได้สวย
การเดินทางหรือเดินเที่ยวรอบตัวเมืองนิวยอร์กก็สบายๆ (อากาศเย็นแต่ไม่ถึงกับเกินไป)
ตั้งใจไว้ว่า ซัมเมอร์จะไปกันอีก จะได้เดินชิวๆสบายๆ ไม่ต้องแต่งตัวรุงรังอย่างหน้าหนาว
ที่มีทั้งแจ็คเก็ต หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอ บลาๆ
จะถ่ายรูปที ก็ต้องถอดถุงมือ แล้วก็ต้องรีบๆถ่าย เพราะนิ้วเย็นจนเจ็บ
แล้วคงไปแค่คืนเดียว ไม่ก็ไปเช้าเย็นกลับ
เพราะค่า รร. กะที่จอดรถ แพงมากเจ้าค่ะ Y_Y
ตะลุย นิวยอร์กซิตี้ Day-2
20 ธค 2010
เช้าวันที่สอง ตื่นขึ้นมาด้วยความกระฉับกระเฉง
พร้อมลุยวันที่สองเต็มที่
อากาศดีสุดๆเล้ย!!!
รร.นี้ดีที่ว่า ลงมาจากห้อง ก็สามารถขึ้นเรือข้ามฝากไปฝั่งนิวยอร์กได้เลย
เพราะ รร. มีท่าเรือส่วนตัว ซื้อตั๋วที่ front desk (แพงกว่าเมื่อวาน 50เซนต์เท่านั้น)
ถือว่าสะดวกมากๆ
ข้ามมาฝั่ง นิวยอร์กแล้ว ก็เลือกขึ้นบัสสาย midtown
ลงจากบัส ก็ตรงดิ่งมาจุดแรก คือ ตึก Flatiron
เป็นตึกแบนๆ สูงๆ พื้นที่มีน้อยนิด แต่ก็ยังสามารถสร้างได้ นับถือๆ
ใกล้ๆกันเป็น Madison Park ก็เป็นสวนสาธารณะธรรมดาทั่วไป
แต่เพราะใกล้คริสมาสต์และปีใหม่ จึงมีการตกแต่งสวน นิดหน่อย
แล้วด้วยเพราะอากาศดี แสง(แดด)แจ่ม ทำให้ถ่ายรูปออกมา สวยถูกใจ(เดี๊ยน)มากๆเค่อะ
เดินไล่ตามทางขึ้นมาเพื่อจุดหมายต่อไป
ถ่ายรูประหว่างทางไปเรื่อย (ผ่าน Musuem of Sex ด้วย)
เป้าหมายต่อไปคือ Empire State Building
ขึ้นไปชมวิว 360 องศารอบมหานครนิวยอร์กกัน ^^
กว่าจะได้ขึ้นมาชมวิวสวยๆนั้น ยากลำบากนัก เพราะกว่าจะผ่านด่านรักษาความปลอดภัย(ต่อแถวร่วมครึ่งชม.)
ซื้อตั๋ว $21 ต่อคน ต่อแถวรอลิฟต์ ขึ้นมา80ชั้น ต่อด้วยขึ้นบรรไดอีก 6 ชั้น
แล้วในที่สุด ก็ได้ชมความงาม วิวรอบเมืองจนได้ Y_Y
อากาศดี แดดดี ไม่มีเมฆ ทำให้เห็นวิวได้ไกลสุดลูกหูลูกตา และถ่ายรูปออกมาได้ สวยถูกใจ
กว่าจะลงมาถึงภาคพื้นดิน ก็เป็นเวลามื้อเที่ยงพอดี
แวะกินมื้อเที่ยงที่ร้าน John's Pizzeria ที่เพื่อนเดวิดแนะนำมา
ต้องบอกต่อเลยว่า พิซซ่าของเค้า อร่อยสุดยอดจริงๆ
เสร็จจากมื้อเที่ยง ก็เดินเที่ยวกันต่อ
แวะที่ ไทม์สแควร์อีกครั้ง ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ที่นี่ก็ไม่เคยเงียบเลยจริงๆ
แล้วก็ได้เวลาโชว์ของ Radio City Music Hall ที่เดวิดซื้อตั๋วไว้ (แล้วเซอร์ไพรส์เรา ก่อนหน้านี้)
เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่มานิวยอร์กแล้วต้องดู (ตั๋วคนละ $72 ช่วงพีค)
เป็นการแสดงที่ขึ้นชื่อมากๆ แล้วก็ยอมรับเลยว่า น่าสนใจจริงๆ
หลังจากโชว์ เดินเลยมาหน่อยก็เป็น Rockefeller Plaza ที่ขึ้นชื่อของที่นี่
นอกจากจะมีต้นคริสมาสต์ต้นมหึมาของจริงแล้ว ก็มีลานสเก็ตกลางเมืองด้วย
ถ่ายรูปแสงสียามค่ำคืนจนพอใจแล้ว ก็นั่งรถบัสกลับไปท่าเรือ
แล้วก็นั่งเรือกลับมาที่ รร.
ถึงห้องอาบน้ำนอน สองผัวเมีย หลับเป็นตาย..
คร่อก..ก..
เช้าวันที่สอง ตื่นขึ้นมาด้วยความกระฉับกระเฉง
พร้อมลุยวันที่สองเต็มที่
อากาศดีสุดๆเล้ย!!!
รร.นี้ดีที่ว่า ลงมาจากห้อง ก็สามารถขึ้นเรือข้ามฝากไปฝั่งนิวยอร์กได้เลย
เพราะ รร. มีท่าเรือส่วนตัว ซื้อตั๋วที่ front desk (แพงกว่าเมื่อวาน 50เซนต์เท่านั้น)
ถือว่าสะดวกมากๆ
ข้ามมาฝั่ง นิวยอร์กแล้ว ก็เลือกขึ้นบัสสาย midtown
ลงจากบัส ก็ตรงดิ่งมาจุดแรก คือ ตึก Flatiron
เป็นตึกแบนๆ สูงๆ พื้นที่มีน้อยนิด แต่ก็ยังสามารถสร้างได้ นับถือๆ
ใกล้ๆกันเป็น Madison Park ก็เป็นสวนสาธารณะธรรมดาทั่วไป
แต่เพราะใกล้คริสมาสต์และปีใหม่ จึงมีการตกแต่งสวน นิดหน่อย
แล้วด้วยเพราะอากาศดี แสง(แดด)แจ่ม ทำให้ถ่ายรูปออกมา สวยถูกใจ(เดี๊ยน)มากๆเค่อะ
เดินไล่ตามทางขึ้นมาเพื่อจุดหมายต่อไป
ถ่ายรูประหว่างทางไปเรื่อย (ผ่าน Musuem of Sex ด้วย)
เป้าหมายต่อไปคือ Empire State Building
ขึ้นไปชมวิว 360 องศารอบมหานครนิวยอร์กกัน ^^
กว่าจะได้ขึ้นมาชมวิวสวยๆนั้น ยากลำบากนัก เพราะกว่าจะผ่านด่านรักษาความปลอดภัย(ต่อแถวร่วมครึ่งชม.)
ซื้อตั๋ว $21 ต่อคน ต่อแถวรอลิฟต์ ขึ้นมา80ชั้น ต่อด้วยขึ้นบรรไดอีก 6 ชั้น
แล้วในที่สุด ก็ได้ชมความงาม วิวรอบเมืองจนได้ Y_Y
อากาศดี แดดดี ไม่มีเมฆ ทำให้เห็นวิวได้ไกลสุดลูกหูลูกตา และถ่ายรูปออกมาได้ สวยถูกใจ
กว่าจะลงมาถึงภาคพื้นดิน ก็เป็นเวลามื้อเที่ยงพอดี
แวะกินมื้อเที่ยงที่ร้าน John's Pizzeria ที่เพื่อนเดวิดแนะนำมา
ต้องบอกต่อเลยว่า พิซซ่าของเค้า อร่อยสุดยอดจริงๆ
เสร็จจากมื้อเที่ยง ก็เดินเที่ยวกันต่อ
แวะที่ ไทม์สแควร์อีกครั้ง ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ที่นี่ก็ไม่เคยเงียบเลยจริงๆ
แล้วก็ได้เวลาโชว์ของ Radio City Music Hall ที่เดวิดซื้อตั๋วไว้ (แล้วเซอร์ไพรส์เรา ก่อนหน้านี้)
เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่มานิวยอร์กแล้วต้องดู (ตั๋วคนละ $72 ช่วงพีค)
เป็นการแสดงที่ขึ้นชื่อมากๆ แล้วก็ยอมรับเลยว่า น่าสนใจจริงๆ
หลังจากโชว์ เดินเลยมาหน่อยก็เป็น Rockefeller Plaza ที่ขึ้นชื่อของที่นี่
นอกจากจะมีต้นคริสมาสต์ต้นมหึมาของจริงแล้ว ก็มีลานสเก็ตกลางเมืองด้วย
ถ่ายรูปแสงสียามค่ำคืนจนพอใจแล้ว ก็นั่งรถบัสกลับไปท่าเรือ
แล้วก็นั่งเรือกลับมาที่ รร.
ถึงห้องอาบน้ำนอน สองผัวเมีย หลับเป็นตาย..
คร่อก..ก..
Subscribe to:
Posts (Atom)