ไปรษณีย์อเมริกา
สัญลักษณ์กิจการไปรษณีย์ที่นี่
ถ้าจะใช้บริการเกี่ยวกับไปรษณีย์
ก็ต้องมองหาสัญลักษณ์นี้ หรือสีน้ำเงิน
บ้านเราจะเป็นสีแดงเนาะ..
ไปรษณีย์ สี่ล้อ
บ้านเราจะเป็นมอเตอร์ไซค์ ซิกแซกได้ทุกซอก
ที่นี่บุรุษ/สตรีไปรษณีย์ที่นี่ ขับรถมินิสีขาว สี่ล้อ
คาดว่า เพราะสามารถใช้ได้ทุกฤดู โดยเฉพาะหน้าหนาว ที่หนาวโคตร
ให้มาขี่มอเตอร์ไซค์ส่ง จม.ตอนหน้าหนาว คงไม่ไหว
อีกทั้งพื้นที่ค่อนข้างกว้าง บ้านแต่ละหลัง ไม่ได้อัดๆกันอยู่เหมือนบ้านเรา
ตู้ไปรษณีย์สีน้ำเงิน
บ้านเราสีแดง ที่นี่สีน้ำเงิน
บางทีก็เผลอมองหาตู้สีแดงเหมือนกัน -__-'
แสตมป์ แสตมป์ แสตมป์
แสตมป์ที่นี่จะเป็นสติ๊กเกอร์ คือลอกแล้วติดได้เลย
ไม่ต้องมาเลียแผล่บๆ เหมือนของบ้านเรา :p
แต่ก็มีข้อเสียที่ว่า พอลอกแล้ว จะเหลือแผ่นหลังสติ๊กเกอร์เป็นขยะน่ะสิ
แต่บ้านเรา เลียๆแป่ะๆ ก็เสร็จ ไม่เหลือขยะหลังติดแสตมป์
ค่าโปสการ์ดจากเมกา ไปไทย หรือโซนเอชีย
ราคาใบละ $0.98 หรือประมาณ 30บาทไทย หน้าตาแบบนี้
บ้านเรา ใบละ 15บาท บินได้รอบโลก
แต่ไม่ต้องกลัว ยังไม่เลิกเขียนโปสการ์ดหรอก
(แค่ต้องเขียนโปสการ์ดน้อยลง T_T
หันมาล่งอีแมวแทนละกัน ไวและฟรี เหอ เหอ)
นี่แสตมป์ ภายในประเทศ 44เซนต์ ทั่วอเมริกา
ถ้าส่งไปแคนาดา ก็ 75เซนต์
บริการเฉียบไว ประทับใจ..
ที่นี่มี Post Office แบบ Drive Through ด้วยนะ
เหมือนพวก แมค เคเอฟซี ไดรฟ์ทรู อะไรเทือกนั้น
ก็จะเป็นบูธเหมือนตู้เก็บเงินทางด่วนน่ะ
ขับรถไปจอดเทียบ แล้วก็ส่งเอกสารให้
แจ้งความจำนง ว่าต้องการใช้บริการแบบใด
จ่ายเงิน แล้วก็ขับจากไป..
แล้วถ้าเป็น ตู้ไปรษณีย์แบบ Drive through ก็จะเป็นแบบนี้
จะตั้งติดถนน และหันหน้าออกถนน
คุณก็แค่ขับมาเทียบ และหย่อนจม.ลงไปแบบนี้ แล้วก็จรลีจากไป
สามีบอก ยังมีอีกหลายอย่างที่เป็นแบบ Drive Through
แบงค์ ก็ยังเป็น Drive Through ได้
ตบท้ายด้วยว่า Honey, Time is money here!
i absolutely agree!!
.. เรื่องเล่าเล็กๆ ของถั่วลันเตาเขียวๆ..
นอกจากเรื่องเล่าต่างๆ รอบๆตัวเรา ที่หยกนำมาเล่าสู่กันฟังแล้ว
ก็ฟังเพลงเพราะๆ ความหมายดีๆ ประกอบไปด้วย..
คงช่วยให้วันหรือช่วงเวลาที่น่าเบื่อของคุณ ดีขึ้นบ้างล่ะ..เนาะ ^^
ก็ฟังเพลงเพราะๆ ความหมายดีๆ ประกอบไปด้วย..
คงช่วยให้วันหรือช่วงเวลาที่น่าเบื่อของคุณ ดีขึ้นบ้างล่ะ..เนาะ ^^
30.8.09
27.8.09
อเมริกา เรื่องน่าสนใจ - เดินเล่นกัน..
เย็นย่ำ ซัมเมอร์ วันหนึ่ง แลนซิ่ง มิชิกัน..
ถ่ายรูป..
สามีพาภรรยาออกไปเดินเล่นรอบๆ
ภรรยาแบกเอากล้องไปด้วย เพื่อถ่ายภาพต่างๆที่น่าสนใจ
สามีเอ่ยขึ้นว่า ระวังในการถ่ายรูปหน่อยนะ
ภรรยามองหน้าสามี ระวังยังไง
พยายามอย่าถ่ายรูปเด็ก หรือบ้านคนแบบโต้งๆนัก
ภรรยาคิ้วขมวด ทำไมกัน?
สามียิ้ม เพราะพวกเค้า อาจคิดว่า
คุณคิดจะทำอะไรกับลูกหลานหรือบ้านเค้ายังไงล่ะ
ภรรยา กดปุ่มOFF และยกฝากล้องขึ้นปิดหน้ากล้อง
ถอนหายใจ แล้วจับมือสามีเดินเล่นต่อไป
ถังขยะ
ระหว่างทาง สองสามีภรรยา ได้แวะซื้อไอติมแท่ง ราคา 25c
สามีกินไอศกรีม แล้วเหลือไม้
ภรรยาบอก นี่ไงถังขยะ ทิ้งดิๆ
สามีบอกว่า ยังไม่อยากมีปัญหา เอากลับไปทิ้งบ้านดีกว่า
ภรรยาทำหน้างง แล้วทำไมต้องแบกเอาไปถึงบ้านด้วย ถังขยะก็อยู่ตรงนี้
สามีบอก ก็มันเป็นถังขยะส่วนบุคคล ไม่ใช่ถังสาธารณะ ไปทิ้งหรือใช้ของเค้าไม่ได้
ภรรยายังเถียง นิดหน่อยก็ไม่ได้หรือ? ไม้ไอติมแค่ไม้เดียวเอง
สามีว่า ที่นี่อเมริกา ทุกคนหวงในทรัพย์สินของตน ไม่ชอบให้ใครมาก้าวก่าย
เค้าเสียเงินในการได้บริการ เก็บขยะจากบ้านเค้า
เค้าคงไม่ชอบให้ใครมาฝากทิ้งขยะ โดยที่เค้าต้องจ่ายเงินให้หรอก
ภรรยา บ่นปอดแปดเบาๆ อะไรว๊า..
และยังคงจบมือสามีเดินเล่นต่อไป.. อย่างสงบเสงี่ยม
ถ่ายรูป..
สามีพาภรรยาออกไปเดินเล่นรอบๆ
ภรรยาแบกเอากล้องไปด้วย เพื่อถ่ายภาพต่างๆที่น่าสนใจ
สามีเอ่ยขึ้นว่า ระวังในการถ่ายรูปหน่อยนะ
ภรรยามองหน้าสามี ระวังยังไง
พยายามอย่าถ่ายรูปเด็ก หรือบ้านคนแบบโต้งๆนัก
ภรรยาคิ้วขมวด ทำไมกัน?
สามียิ้ม เพราะพวกเค้า อาจคิดว่า
คุณคิดจะทำอะไรกับลูกหลานหรือบ้านเค้ายังไงล่ะ
ภรรยา กดปุ่มOFF และยกฝากล้องขึ้นปิดหน้ากล้อง
ถอนหายใจ แล้วจับมือสามีเดินเล่นต่อไป
ถังขยะ
ระหว่างทาง สองสามีภรรยา ได้แวะซื้อไอติมแท่ง ราคา 25c
สามีกินไอศกรีม แล้วเหลือไม้
ภรรยาบอก นี่ไงถังขยะ ทิ้งดิๆ
สามีบอกว่า ยังไม่อยากมีปัญหา เอากลับไปทิ้งบ้านดีกว่า
ภรรยาทำหน้างง แล้วทำไมต้องแบกเอาไปถึงบ้านด้วย ถังขยะก็อยู่ตรงนี้
สามีบอก ก็มันเป็นถังขยะส่วนบุคคล ไม่ใช่ถังสาธารณะ ไปทิ้งหรือใช้ของเค้าไม่ได้
ภรรยายังเถียง นิดหน่อยก็ไม่ได้หรือ? ไม้ไอติมแค่ไม้เดียวเอง
สามีว่า ที่นี่อเมริกา ทุกคนหวงในทรัพย์สินของตน ไม่ชอบให้ใครมาก้าวก่าย
เค้าเสียเงินในการได้บริการ เก็บขยะจากบ้านเค้า
เค้าคงไม่ชอบให้ใครมาฝากทิ้งขยะ โดยที่เค้าต้องจ่ายเงินให้หรอก
ภรรยา บ่นปอดแปดเบาๆ อะไรว๊า..
และยังคงจบมือสามีเดินเล่นต่อไป.. อย่างสงบเสงี่ยม
อเมริกา เรื่องน่าสนใจ - รั้วที่มองไม่เห็น..
เท่าที่สังเกตดู บ้านส่วนใหญ่ที่นี่ จะไม่ได้สร้างรั้วกั้นระหว่างบ้าน
ไม่เหมือนที่ไทย แต่ละบ้านส่วนมาก จะมีรั้วรอบขอบชิด
แสดงให้เห็นราชอาณาจักรของใครของมันอย่างเห็นชัด
แต่รั้วก็ไม่ได้ทำให้ห่างเหินกันเท่าไร
แต่ละครัว แต่ละเรื่อนก็รู้จักกัน หัวซอยทะลุท้ายซอย ไปยันซอยถัดๆไป
ข้าวปลาทำหม้อใหญ่ ก็ยกถ้วยส่งให้กันข้ามรั้วที่กั้น
แต่ที่นี่ ถึงจะไม่มีรั้วกั้นระหว่างกัน
อยู่ติดกัน แต่ไม่มีใครได้รู้จักกัน
อาจเป็นเพราะ ..
ไม่มีใคร เริ่มเข้าไปทักทายแนะนำตัวกันก่อนมั้ง
ถึงเราจะเริ่มก่อน แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ตอบกลับ
ก็จะกลายเป็นตัวประหลาดไป
ความคิดก็เลยหยุดแค่นี้..
อยู่ห่างกันเป็นคนแปลกหน้า เพราะรั้วที่มองไม่เห็นต่อไป..
ไม่เหมือนที่ไทย แต่ละบ้านส่วนมาก จะมีรั้วรอบขอบชิด
แสดงให้เห็นราชอาณาจักรของใครของมันอย่างเห็นชัด
แต่รั้วก็ไม่ได้ทำให้ห่างเหินกันเท่าไร
แต่ละครัว แต่ละเรื่อนก็รู้จักกัน หัวซอยทะลุท้ายซอย ไปยันซอยถัดๆไป
ข้าวปลาทำหม้อใหญ่ ก็ยกถ้วยส่งให้กันข้ามรั้วที่กั้น
แต่ที่นี่ ถึงจะไม่มีรั้วกั้นระหว่างกัน
อยู่ติดกัน แต่ไม่มีใครได้รู้จักกัน
อาจเป็นเพราะ ..
ไม่มีใคร เริ่มเข้าไปทักทายแนะนำตัวกันก่อนมั้ง
ถึงเราจะเริ่มก่อน แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ตอบกลับ
ก็จะกลายเป็นตัวประหลาดไป
ความคิดก็เลยหยุดแค่นี้..
อยู่ห่างกันเป็นคนแปลกหน้า เพราะรั้วที่มองไม่เห็นต่อไป..
You Belong With Me..
พักนี้ไปไหนก็ได้ยินเพลงนี้บ่อยมาก
ทั้งทางวิทยุ และเวลาเดินห้าง
ฟังบ่อยๆก็ เออ น่ารักดีนะ
แล้วพอได้ดู MV แล้วก็ชอบมากขึ้น
You Belong With Me : Taylor Swift
You're on the phone with your girlfriend, She's upset
She's going off about something that you said
She doesnt get your humour like I do
I'm in the room, its a typical Tuesday night
I'm listening to the kind of music she doesnt like
And she'll never know your story like I do
But she wears short skirts, I wear t-shirts
She's cheer captain and I'm on the bleachers
Dreaming bout the day when you'll wake up and find
That what you're lookin for has been here the whole time
If you could see that I'm the one who understands you
Been here all along so why can't you see?
You belong with me
You belong with me
Walkin the streets with you in your worn out jeans
I cant help thinking this is how it ought to be
Laughing on the park bench thinkin to myself
Hey isnt this easy?
And you've got a smile that could light up this whole town
I havent seen it in awhile, since she brought you down
You say you find I know you better than that
Hey, Whatcha doing with a girl like that?
She wears high heels, I wear sneakers
She's cheer captain and I'm on the bleachers
Dreaming bout the day when you'll wake up and find
That what you're looking for has been here the whole time
If you could see that I'm the one who understands you
Been here all along so why can't you see?
You belong with me
Standin by, waiting at your back door
All this time how could you not know that?
You belong with me
You belong with me
Oh I remember you driving to my house in the middle of the night
I'm the one who makes you laugh when you know you're about to cry
I know your favorite songs and you tell me about your dreams
I think I know where you belong. I think I know it's with me.
Can't you see that I'm the one who understand you?
Been here all along so why can't you see?
You belong with me
Standing by or waiting at your back door
All this time how could you not know that
You belong with me
You belong with me
Have you ever thought just maybe
You belong with me
You belong with me
You Belong With Me - Taylor Swift
กดเพลย์ เพื่อฟังได้เลยจ้า..
Thank to:
http://www.lyricsmania.com
www.imeem.com
ทั้งทางวิทยุ และเวลาเดินห้าง
ฟังบ่อยๆก็ เออ น่ารักดีนะ
แล้วพอได้ดู MV แล้วก็ชอบมากขึ้น
You Belong With Me : Taylor Swift
You're on the phone with your girlfriend, She's upset
She's going off about something that you said
She doesnt get your humour like I do
I'm in the room, its a typical Tuesday night
I'm listening to the kind of music she doesnt like
And she'll never know your story like I do
But she wears short skirts, I wear t-shirts
She's cheer captain and I'm on the bleachers
Dreaming bout the day when you'll wake up and find
That what you're lookin for has been here the whole time
If you could see that I'm the one who understands you
Been here all along so why can't you see?
You belong with me
You belong with me
Walkin the streets with you in your worn out jeans
I cant help thinking this is how it ought to be
Laughing on the park bench thinkin to myself
Hey isnt this easy?
And you've got a smile that could light up this whole town
I havent seen it in awhile, since she brought you down
You say you find I know you better than that
Hey, Whatcha doing with a girl like that?
She wears high heels, I wear sneakers
She's cheer captain and I'm on the bleachers
Dreaming bout the day when you'll wake up and find
That what you're looking for has been here the whole time
If you could see that I'm the one who understands you
Been here all along so why can't you see?
You belong with me
Standin by, waiting at your back door
All this time how could you not know that?
You belong with me
You belong with me
Oh I remember you driving to my house in the middle of the night
I'm the one who makes you laugh when you know you're about to cry
I know your favorite songs and you tell me about your dreams
I think I know where you belong. I think I know it's with me.
Can't you see that I'm the one who understand you?
Been here all along so why can't you see?
You belong with me
Standing by or waiting at your back door
All this time how could you not know that
You belong with me
You belong with me
Have you ever thought just maybe
You belong with me
You belong with me
You Belong With Me - Taylor Swift
กดเพลย์ เพื่อฟังได้เลยจ้า..
Thank to:
http://www.lyricsmania.com
www.imeem.com
26.8.09
สุขสันต์ วันครบรอบแต่งงาน..
25.8.09
1 Day at MSU
24 สค 52
วันนี้คุณสามีพาไปกินข้าวเที่ยงนอกบ้าน
ปิกนิกกันริมน้ำตก ในมหาลัยน่ะ
ทำแซนวิชไปจากบ้าน แล้วก็ น้ำ 2ขวด
พอประมาณบ่ายหนึ่ง เดวิดก็ไปประชุม
หยกก็เดินเล่นรอบๆ ถ่ายรูปไปเรื่อย
Michigan State University
เป็นมหาลัยที่ใหญ่มากกกกกก..ก..
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะอะไรมากมาย
คิดว่า ก็คือมหาลัยแห่งหนึ่งเหมือนหลายร้อยมหาลัยในอเมริกา
แต่แล้วก็รู้ความจริง ที่น่าประทับใจ
มหาลัยมิชิกันสเตจ เป็นมหาลัยอันดับหนึ่งในอเมริกา
อันดับหนึ่งของอเมริกาเชียวนะคะ
เป็นมหาลัยที่ใหญ่และกว้างมากกก..ก..
และที่มีชื่อเสียงมากๆ คือเรื่อง กีฬา
มานี่ คุณจะเห็น Spatan ได้ทุกที่
จริงๆนะ..
วันนี้คุณสามีพาไปกินข้าวเที่ยงนอกบ้าน
ปิกนิกกันริมน้ำตก ในมหาลัยน่ะ
ทำแซนวิชไปจากบ้าน แล้วก็ น้ำ 2ขวด
พอประมาณบ่ายหนึ่ง เดวิดก็ไปประชุม
หยกก็เดินเล่นรอบๆ ถ่ายรูปไปเรื่อย
Michigan State University
เป็นมหาลัยที่ใหญ่มากกกกกก..ก..
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะอะไรมากมาย
คิดว่า ก็คือมหาลัยแห่งหนึ่งเหมือนหลายร้อยมหาลัยในอเมริกา
แต่แล้วก็รู้ความจริง ที่น่าประทับใจ
มหาลัยมิชิกันสเตจ เป็นมหาลัยอันดับหนึ่งในอเมริกา
อันดับหนึ่งของอเมริกาเชียวนะคะ
เป็นมหาลัยที่ใหญ่และกว้างมากกก..ก..
และที่มีชื่อเสียงมากๆ คือเรื่อง กีฬา
มานี่ คุณจะเห็น Spatan ได้ทุกที่
จริงๆนะ..
แล้วเราก็ได้พบกัน..
พฤหัส 13 สค 52
วันนี้ ขับรถข้ามไปฝั่งแคนาดา ใช้ทางด่วนสาย 69 ขับไปเรื่อยๆ
วันนี้อากาศดีมากๆ ฟ้าเป็นสีฟ้า สวยเชียว..
สองข้างทางที่นี่ ก็ไม่ต่างกับบ้านเรามากนัก
เวลาขับรถไปต่างจังหวัด บ้านเราจะเป็นทุ่งนา
ที่นี่ก็จะเป็นสวนข้าวโพด สุดลูกหูลูกตา
จะต่างแบบน่าประทับใจคือ พื้นที่ที่นี่จะเป็นที่ราบ
มองไปได้ไกล ไม่เห็นภูเขาเหมือนบ้านเรา
จากแลนซิ่ง ถึงสะพาน BLue Water
ซึ่งเป็นบอร์เดอร์ ก็ประมาณ 2 ชม.
จ่ายค่าทางด่วนประมาณ 2 USD
หรือ ประมาณ 66 บาทไทย แล้วก็ต้องผ่าน ตม.
กึ่งกลางสะพานคือเส้นแบ่งเขตประเทศระหว่าง อเมริกาและแคนาดา
เหมือนสะพานข้ามแม่น้ำโขง ไทย-ลาวน่ะ)
ตม.ที่นี่ก็เหมือน ตู้เก็นเงินทางด่วนน่ะ
รับพาสปอร์ตมา ดูๆหน้า กับรูปในวีซ่า
แล้วตอบแค่ 2-3 คำถาม แล้วก็ผ่านเข้ามาฝั่งแคนาดา
ขับมาซัก ชม. ถึง Lambeth หรือหมู่บ้านที่พ่อกับแม่เดวิอยู่
เท่าที่เห็น เป็นหมู่บ้านที่เงียบ และสวยดี
บ้านช่องดูเป็นระเบียบกว่า ที่แลนซิ่ง (ที่หยกพักอยู่น่ะ)
หน้าบ้านเหมือนที่เดวิดเคยส่งรูปให้ดูเปี๊ยบๆ กดกริ่ง
แล้วก็ รอๆๆ (ตื่นเต้นๆ ครั้งแรกที่ได้พบ หลังจากรอมา 4-5ปี)
แล้วอีเลนก็เปิดประตู ดูเธอดีใจมากที่ได้พบ แล้วเธอก็เรียกดอน
บอกว่า พวกเค้ามาแล้วๆ อีเลนตัวเล็กกว่าที่เราคิดไว้แฮะ
ขนของเข้าบ้าน และคุยกันเล็กน้อย ก็ขับรถไปบ้านไดแอน พี่สาวเดวิด
บ้านไดแอน อยู่ Strathroy ขับรถจากบ้านอีเลนประมาณ 20 นาที
บ้านไดแอนใหญ่และสวยมาก >_< ไดแอนและดั๊ก มีลูกสองคน คือบริตตานีย์ และเคอร์ติส แต่วันนั้นเคอร์ติสไม่อยู่ เลยไม่ได้เจอ
เบียร์แปลกๆ รู้สึกจะชื่อ Bad Elf -_-??
น้องหมา ชื่อ ไฮดี้ ดูมอมๆน่ารักดี
มื้อเย็นวันนี้ ซี่โครงเนื้อย่าง ขอบอก อร่อยมากกก..ก..ก.. >_<
เดวิดบอกให้ส่งรูปนี้ให้ที่บ้านดู แล้วบอกว่า พักอยู่ที่นี่ T_T
แต่หยกบอกส่งรูปนี้ดีกว่า ไฮโซดี กร๊ากกกกก..
หลังจากกินมื้อค่ำ ก็นั่งคุยกัน แล้วก็ออกมาคุยกันที่ระเบียงอีกรอบ เริ่มหนาว..
วันศุกร์ 14 สค 52
ตอนเช้าออกไปหาเควินที่ทำงาน เควินทำธุรกิจของตัวเอง ชื่อบริษัท KeGo
รู้สึกจะเกี่ยวกับน้ำยาทำความสะอาด เครื่องใช้ หรือพวกอุปกรณ์ดำน้ำราคาแพง อะไรประมาณนี้
ลงทุนไปเยอะอยู่ (-. ,-)
ขากลับเดวิดพาทัวร์ย่านบ้าน(คนมีตังค์) ปลูกใหม่ จะสร้างติดๆกัน
และจะไม่มีต้นไม้ใหญ่ๆหน้าบ้าน เหมือนบ้านเก่าๆ ของคนที่อยู่ที่นี่
อย่างย่านแถวบ้านของอีเลน จะดูร่มรื่นกว่าเยอะ และมีพื้นที่ระหว่างบ้านมากกว่า
แวะถ่ายรูปข้างทาง (ข้างทางจริงๆ จอดรถ แล้วลงไปถ่าย)
ป้าย Lambeth หน้าหมู่บ้าน
ตอนบ่ายออกไปเยี่ยมเพื่อนอีเลน ชื่อแม็กซีน
แม็กซีนอาศัยอยู่คนเดียว สามีเพิ่งเสียไปเมื่อปีกว่าๆ
ตอนนี้ก็จ้างคนมาดูแล อาบน้ำ ทำกับข้าว ซักผ้าให้
แม็กซีนน่ารักและตลกดี บ้านเธอใหญ่และสวยดีนะ
ตอนเย็น ขับรถไป Wellington วันนี้มีนัดกินข้าวเย็นบ้านแคโรล
สีส้มนี่ บ้านแคโรล
ส่วนนี่ บ้านข้างๆ เหมือนปราสาทเลย
(ย่านนี้ ย่านคนรวย บ้านสวยๆทั้งนั้น)
Appetizer มื้อนี้ ค็อกเทลกุ้ง หย่อย (ทิชชู่ตลกดี)
ครอบครัวแคโรล พี่สาวคนที่สองของเดวิด
ประกอบด้วย เมอเร่ สามี, แพทริค ลูกชาย และแคเทอรีน ลูกสาว
อาหารพร้อมแล้วจ้า (ดูดีมาก -_-‘)
วันเสาร์ 15 สค 52
เช้าวันเสาร์ ออกไปกินมื้อเช้ากับ ไดแอนและเควิน
ของหยก เซต2 นี่สำหรับหนึ่งคนนะ เยอะโคตร O_O
หยกกินได้แค่ แพนเค้ก1 ไส้กรอก2 และไข่
เซตละประมาณ 5 เหรียญ ก็ตกคนละ 160 บาท
รวมภาษีอีก 6% ทิปอีก 15% ก็ร่วมๆ 200 ต่อคนค่ะ -__-‘
ลืมบอกไปว่า ของทุกอย่างที่นี่ ราคาที่เราเห็นตามป้าย
จะยังไม่รวมภาษี ซึ่งภาษีจะประมาณ 6%
แต่ส่วนมากอาหารจะค่อยไม่มีภาษี หรือราคาก็จะรวมภาษีแล้วน่ะ
เพราะฉะนั้น เวลาซื้ออะไร ก็ต้องเผื่อค่าภาษีอีก ตอนจ่ายเงิน เฮ้อ..
ตอนขากลับ ผ่าน Garage Sale หรือที่เรียกว่า ขายโล๊ะ น่ะ
คือ รื้อๆเอาของในโรงเก็บของ หรือของที่ไม่ใช้ มาขาย
ดีกว่าทิ้งไปเปล่าๆ
ขากลับขับผ่านบ้านนี้ เราก็พูดขึ้นว่า เหมือนบ้านในนิทานเลยแฮะ
เดวิดก็ว่า เป็นบ้านเพื่อนเค้าชื่อเดวิด เหมือนกัน
แล้วพอดีเหลือบไปเห็นเค้านั่งเล่นกันข้างบ้าน ก็เลยแวะเข้าไปหาซะเลย
เจ้าของบ้านคือ คุณยายเกวน คุณตาฮาร์แลน เวลลิสสัน
สองคนนี้ ได้ยินกิตติศัพท์หยกจากอีเลน แม่ของเดวิดมานานแล้ว
สองคนนี้บอกเคยได้รับ จม. ขอซื้อบ้านหลังนี้
จากคนที่ขับผ่านทุกวันๆ แล้วชอบ เพราะเหมือนบ้านในนิทาน
เหอ เหอ สงสัยจะไม่ใช่หยกคนเดียวที่คิดแบบนี้แฮะ)
ตอนบ่ายออกไปเยี่ยมครอบครัว มอร์แกน กับอีเลนและดอน
คุณยายไวโอเล็ต ตอนนี้อายุ 106 ปีแล้ว O_O
ยังแข็งแรงและพูดคุยรู้เรื่องดีอยู่
ส่วน ไว(Vi) ลูกสาว เป็นคนฮามาก คุยแบบจิ๊กโก๋ๆดี ชอบๆ
(เจ๊แกจะแบบ Oh yeah! Yeah! The hell.. อะไรประมาณนี้ ฮาก๊ากกกกก..)
อ้อ บ้านนี้ให้การ์ดอวยพร ข้างในมีตังค์ตั้ง 500$ เอา 33คูณเอา
จะได้เป็นเงินไทย เยอะจนน่าตกใจ (O[]O)
(T__T)ขอบคุณมากนะค๊า
วันนี้อากาศดี มีแดด วันไหนไม่มีแดด หรือเมฆเยอะ อากาศจะเย็น บรื๋ออๆๆ)
เย็นนี้ บริทนี่ และมาร์ค (แฟน) มาทานข้าวที่บ้านอีเลนและดอน
มาร์ค เป็นคนสัญชาติแคนาดา แต่มีเชื้อสายโปรตุเกต หน้าก็เลยออกไปทางแขกๆ
อาทิตย์ 16 สค 52
ช่วงสายๆ ก็ขับรถกลับ แลนซิ่ง อเมริกา (ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. กว่าๆ)
กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
หลังจากต่างฝ่ายต่างรอมาเกือบ 5 ปี..
โดยเฉพาะ ดอนและอีเลน
เพราะหยกขอวีซ่าไม่ผ่าน
เพราะพวกเค้าไม่สามารถเดินทางไกล มาประเทศไทยได้
แต่แล้วที่สุด เราก็ได้พบกัน ..
ปล. เดี๋ยววันพฤหัสนี้ ก็จะกลับไปเที่ยวแคนาดาอีก ^___^
หมายเหตุ:เนื่องจากเคารพในความเป็นส่วนบุคคล
หยกจึงไม่สามารถลงรูปบุคคลที่กล่าวถึงได้
วันนี้ ขับรถข้ามไปฝั่งแคนาดา ใช้ทางด่วนสาย 69 ขับไปเรื่อยๆ
วันนี้อากาศดีมากๆ ฟ้าเป็นสีฟ้า สวยเชียว..
สองข้างทางที่นี่ ก็ไม่ต่างกับบ้านเรามากนัก
เวลาขับรถไปต่างจังหวัด บ้านเราจะเป็นทุ่งนา
ที่นี่ก็จะเป็นสวนข้าวโพด สุดลูกหูลูกตา
จะต่างแบบน่าประทับใจคือ พื้นที่ที่นี่จะเป็นที่ราบ
มองไปได้ไกล ไม่เห็นภูเขาเหมือนบ้านเรา
จากแลนซิ่ง ถึงสะพาน BLue Water
ซึ่งเป็นบอร์เดอร์ ก็ประมาณ 2 ชม.
จ่ายค่าทางด่วนประมาณ 2 USD
หรือ ประมาณ 66 บาทไทย แล้วก็ต้องผ่าน ตม.
กึ่งกลางสะพานคือเส้นแบ่งเขตประเทศระหว่าง อเมริกาและแคนาดา
เหมือนสะพานข้ามแม่น้ำโขง ไทย-ลาวน่ะ)
ตม.ที่นี่ก็เหมือน ตู้เก็นเงินทางด่วนน่ะ
รับพาสปอร์ตมา ดูๆหน้า กับรูปในวีซ่า
แล้วตอบแค่ 2-3 คำถาม แล้วก็ผ่านเข้ามาฝั่งแคนาดา
ขับมาซัก ชม. ถึง Lambeth หรือหมู่บ้านที่พ่อกับแม่เดวิอยู่
เท่าที่เห็น เป็นหมู่บ้านที่เงียบ และสวยดี
บ้านช่องดูเป็นระเบียบกว่า ที่แลนซิ่ง (ที่หยกพักอยู่น่ะ)
หน้าบ้านเหมือนที่เดวิดเคยส่งรูปให้ดูเปี๊ยบๆ กดกริ่ง
แล้วก็ รอๆๆ (ตื่นเต้นๆ ครั้งแรกที่ได้พบ หลังจากรอมา 4-5ปี)
แล้วอีเลนก็เปิดประตู ดูเธอดีใจมากที่ได้พบ แล้วเธอก็เรียกดอน
บอกว่า พวกเค้ามาแล้วๆ อีเลนตัวเล็กกว่าที่เราคิดไว้แฮะ
ขนของเข้าบ้าน และคุยกันเล็กน้อย ก็ขับรถไปบ้านไดแอน พี่สาวเดวิด
บ้านไดแอน อยู่ Strathroy ขับรถจากบ้านอีเลนประมาณ 20 นาที
บ้านไดแอนใหญ่และสวยมาก >_< ไดแอนและดั๊ก มีลูกสองคน คือบริตตานีย์ และเคอร์ติส แต่วันนั้นเคอร์ติสไม่อยู่ เลยไม่ได้เจอ
เบียร์แปลกๆ รู้สึกจะชื่อ Bad Elf -_-??
น้องหมา ชื่อ ไฮดี้ ดูมอมๆน่ารักดี
มื้อเย็นวันนี้ ซี่โครงเนื้อย่าง ขอบอก อร่อยมากกก..ก..ก.. >_<
เดวิดบอกให้ส่งรูปนี้ให้ที่บ้านดู แล้วบอกว่า พักอยู่ที่นี่ T_T
แต่หยกบอกส่งรูปนี้ดีกว่า ไฮโซดี กร๊ากกกกก..
หลังจากกินมื้อค่ำ ก็นั่งคุยกัน แล้วก็ออกมาคุยกันที่ระเบียงอีกรอบ เริ่มหนาว..
วันศุกร์ 14 สค 52
ตอนเช้าออกไปหาเควินที่ทำงาน เควินทำธุรกิจของตัวเอง ชื่อบริษัท KeGo
รู้สึกจะเกี่ยวกับน้ำยาทำความสะอาด เครื่องใช้ หรือพวกอุปกรณ์ดำน้ำราคาแพง อะไรประมาณนี้
ลงทุนไปเยอะอยู่ (-. ,-)
ขากลับเดวิดพาทัวร์ย่านบ้าน(คนมีตังค์) ปลูกใหม่ จะสร้างติดๆกัน
และจะไม่มีต้นไม้ใหญ่ๆหน้าบ้าน เหมือนบ้านเก่าๆ ของคนที่อยู่ที่นี่
อย่างย่านแถวบ้านของอีเลน จะดูร่มรื่นกว่าเยอะ และมีพื้นที่ระหว่างบ้านมากกว่า
แวะถ่ายรูปข้างทาง (ข้างทางจริงๆ จอดรถ แล้วลงไปถ่าย)
ป้าย Lambeth หน้าหมู่บ้าน
ตอนบ่ายออกไปเยี่ยมเพื่อนอีเลน ชื่อแม็กซีน
แม็กซีนอาศัยอยู่คนเดียว สามีเพิ่งเสียไปเมื่อปีกว่าๆ
ตอนนี้ก็จ้างคนมาดูแล อาบน้ำ ทำกับข้าว ซักผ้าให้
แม็กซีนน่ารักและตลกดี บ้านเธอใหญ่และสวยดีนะ
ตอนเย็น ขับรถไป Wellington วันนี้มีนัดกินข้าวเย็นบ้านแคโรล
สีส้มนี่ บ้านแคโรล
ส่วนนี่ บ้านข้างๆ เหมือนปราสาทเลย
(ย่านนี้ ย่านคนรวย บ้านสวยๆทั้งนั้น)
Appetizer มื้อนี้ ค็อกเทลกุ้ง หย่อย (ทิชชู่ตลกดี)
ครอบครัวแคโรล พี่สาวคนที่สองของเดวิด
ประกอบด้วย เมอเร่ สามี, แพทริค ลูกชาย และแคเทอรีน ลูกสาว
อาหารพร้อมแล้วจ้า (ดูดีมาก -_-‘)
วันเสาร์ 15 สค 52
เช้าวันเสาร์ ออกไปกินมื้อเช้ากับ ไดแอนและเควิน
ของหยก เซต2 นี่สำหรับหนึ่งคนนะ เยอะโคตร O_O
หยกกินได้แค่ แพนเค้ก1 ไส้กรอก2 และไข่
เซตละประมาณ 5 เหรียญ ก็ตกคนละ 160 บาท
รวมภาษีอีก 6% ทิปอีก 15% ก็ร่วมๆ 200 ต่อคนค่ะ -__-‘
ลืมบอกไปว่า ของทุกอย่างที่นี่ ราคาที่เราเห็นตามป้าย
จะยังไม่รวมภาษี ซึ่งภาษีจะประมาณ 6%
แต่ส่วนมากอาหารจะค่อยไม่มีภาษี หรือราคาก็จะรวมภาษีแล้วน่ะ
เพราะฉะนั้น เวลาซื้ออะไร ก็ต้องเผื่อค่าภาษีอีก ตอนจ่ายเงิน เฮ้อ..
ตอนขากลับ ผ่าน Garage Sale หรือที่เรียกว่า ขายโล๊ะ น่ะ
คือ รื้อๆเอาของในโรงเก็บของ หรือของที่ไม่ใช้ มาขาย
ดีกว่าทิ้งไปเปล่าๆ
ขากลับขับผ่านบ้านนี้ เราก็พูดขึ้นว่า เหมือนบ้านในนิทานเลยแฮะ
เดวิดก็ว่า เป็นบ้านเพื่อนเค้าชื่อเดวิด เหมือนกัน
แล้วพอดีเหลือบไปเห็นเค้านั่งเล่นกันข้างบ้าน ก็เลยแวะเข้าไปหาซะเลย
เจ้าของบ้านคือ คุณยายเกวน คุณตาฮาร์แลน เวลลิสสัน
สองคนนี้ ได้ยินกิตติศัพท์หยกจากอีเลน แม่ของเดวิดมานานแล้ว
สองคนนี้บอกเคยได้รับ จม. ขอซื้อบ้านหลังนี้
จากคนที่ขับผ่านทุกวันๆ แล้วชอบ เพราะเหมือนบ้านในนิทาน
เหอ เหอ สงสัยจะไม่ใช่หยกคนเดียวที่คิดแบบนี้แฮะ)
ตอนบ่ายออกไปเยี่ยมครอบครัว มอร์แกน กับอีเลนและดอน
คุณยายไวโอเล็ต ตอนนี้อายุ 106 ปีแล้ว O_O
ยังแข็งแรงและพูดคุยรู้เรื่องดีอยู่
ส่วน ไว(Vi) ลูกสาว เป็นคนฮามาก คุยแบบจิ๊กโก๋ๆดี ชอบๆ
(เจ๊แกจะแบบ Oh yeah! Yeah! The hell.. อะไรประมาณนี้ ฮาก๊ากกกกก..)
อ้อ บ้านนี้ให้การ์ดอวยพร ข้างในมีตังค์ตั้ง 500$ เอา 33คูณเอา
จะได้เป็นเงินไทย เยอะจนน่าตกใจ (O[]O)
(T__T)ขอบคุณมากนะค๊า
วันนี้อากาศดี มีแดด วันไหนไม่มีแดด หรือเมฆเยอะ อากาศจะเย็น บรื๋ออๆๆ)
เย็นนี้ บริทนี่ และมาร์ค (แฟน) มาทานข้าวที่บ้านอีเลนและดอน
มาร์ค เป็นคนสัญชาติแคนาดา แต่มีเชื้อสายโปรตุเกต หน้าก็เลยออกไปทางแขกๆ
อาทิตย์ 16 สค 52
ช่วงสายๆ ก็ขับรถกลับ แลนซิ่ง อเมริกา (ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. กว่าๆ)
กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
หลังจากต่างฝ่ายต่างรอมาเกือบ 5 ปี..
โดยเฉพาะ ดอนและอีเลน
เพราะหยกขอวีซ่าไม่ผ่าน
เพราะพวกเค้าไม่สามารถเดินทางไกล มาประเทศไทยได้
แต่แล้วที่สุด เราก็ได้พบกัน ..
ปล. เดี๋ยววันพฤหัสนี้ ก็จะกลับไปเที่ยวแคนาดาอีก ^___^
หมายเหตุ:เนื่องจากเคารพในความเป็นส่วนบุคคล
หยกจึงไม่สามารถลงรูปบุคคลที่กล่าวถึงได้
ความช่วยเหลือ..จากชายคนหนึ่ง
เมื่อ2-3 วันก่อน ได้รับe-mail
จากคนๆหนึ่ง ที่เราไม่รู้จักและไม่มีชื่อเรื่องอีกต่างหาก
พอลองเปิดดู (ทั้งที่ปกติ จะลบทิ้ง ไม่ค่อยอ่านเมลล์แปลกๆ จากคนที่ไม่รู้จัก)
เป็น e-mail จากพี่มาร์ช ว่าที่พี่เขยนั่นเอง
เขียนส่งความคิดถึงและเป็นห่วง จากที่บ้านเรามาให้น่ะ
หยกก็เลยเขียนเมลล์ตอบกลับไป เล่าเรื่องสั้นๆ เกี่ยวกับวันนั้นให้เค้าฟัง
แล้วพี่เค้าก็ตอบกลับมาว่า เรื่องเล่าที่เราเมลล์กลับไป
เค้าส่งให้ที่บ้านเราอ่านแล้วทางแฟกซ์ (พี่มาร์ชอยู่อ่างทอง)
เค้าก็เลยมีไอเดียว่า มีอะไรก็เขียนเล่าส่งมา
แล้วเค้าจะส่งไปให้ที่บ้านเราเอง
(ไม่ส่งทางแฟกซ์ ก็ปริ้นออกมาแล้วส่งเป็น จม. กลับไปให้ทางบ้าน)
วันต่อมา หยกก็เลย เขียนเล่าเรื่องและลงรูปต่างๆ
คนที่บ้านจะได้เห็นภาพว่า ที่ๆหยกอยู่ เป็นยังไง
เขียนลง MS Word เป็นเรื่องเล่าและมีภาพประกอบ
หยกบอกให้เค้าโหลดแล้วเซฟลง FlashDrive หรือ CD
แล้วเอาไปเปิดในคอมฯที่บ้านก็ได้
จะได้ไม่ต้องเปลืองหมึกปริ้นออกมา
เพราะลงรูปประกอบเรื่องเล่าไว้เพียบเลย
แต่เค้าก็ปริ้นออกมา (10กว่าแผ่น -_-‘) แล้วก็ส่งกลับไปให้ที่บ้าน
เค้าบอกว่าไม่เป็นไร แอบปริ้นที่ทำงาน
(โอ้ พนักงานดีเด่น (-_-)(_ _)(-_-) )
เพิ่งเขียนเล่าเรื่องที่ไปแคนาดาเสร็จ
แต่แม่งใหญ่กว่า 10Mb เลยส่งทาง e-mail ไม่ได้
ก็เลยส่งให้ตอนแชท ใช้เวลานานอยู่กว่าจะโหลดเสร็จ
อันนี้มัน สิบกว่าหน้า (คิดว่า)พี่เค้าก็เลยจะไรท์ลงแผ่น
แล้ววันไหนไปบ้านหยก ค่อยเอาไปเปิดให้ดู
(เลยแนะนำว่า ถ้าไม่ใช้ FlashDrive ก็ให้ใช้เป็น CD-RW เอา
จะได้ใช้ได้หลายครั้ง ประหยัดดี
คิดๆดูก็แปลกดี
หยกเขียนบล็อก เขียนไดฯออนไลน์
เล่าเรื่องต่างๆเกี่ยวกับตัวเอง
ให้เพื่อนๆ ให้คนแปลกหน้า(ในโลกไซเบอร์)ได้อ่านกัน
แต่คนใกล้ตัว อย่างคนในครอบครัว
ไม่เคยได้อ่าน ไม่ได้เห็นรูปต่างๆที่เราถ่าย
ไม่ได้รับรู้ความเป็นไปของเราที่นี่
ตลกดี..
ปล. ยังไงก็ฝากพี่มาร์ช ดูแลคนทางโน้นด้วยนะ
แล้วจะทำการ์ดแต่งงานให้ฟรี ไม่คิดตังค์ กั๊กๆๆ
จากคนๆหนึ่ง ที่เราไม่รู้จักและไม่มีชื่อเรื่องอีกต่างหาก
พอลองเปิดดู (ทั้งที่ปกติ จะลบทิ้ง ไม่ค่อยอ่านเมลล์แปลกๆ จากคนที่ไม่รู้จัก)
เป็น e-mail จากพี่มาร์ช ว่าที่พี่เขยนั่นเอง
เขียนส่งความคิดถึงและเป็นห่วง จากที่บ้านเรามาให้น่ะ
หยกก็เลยเขียนเมลล์ตอบกลับไป เล่าเรื่องสั้นๆ เกี่ยวกับวันนั้นให้เค้าฟัง
แล้วพี่เค้าก็ตอบกลับมาว่า เรื่องเล่าที่เราเมลล์กลับไป
เค้าส่งให้ที่บ้านเราอ่านแล้วทางแฟกซ์ (พี่มาร์ชอยู่อ่างทอง)
เค้าก็เลยมีไอเดียว่า มีอะไรก็เขียนเล่าส่งมา
แล้วเค้าจะส่งไปให้ที่บ้านเราเอง
(ไม่ส่งทางแฟกซ์ ก็ปริ้นออกมาแล้วส่งเป็น จม. กลับไปให้ทางบ้าน)
วันต่อมา หยกก็เลย เขียนเล่าเรื่องและลงรูปต่างๆ
คนที่บ้านจะได้เห็นภาพว่า ที่ๆหยกอยู่ เป็นยังไง
เขียนลง MS Word เป็นเรื่องเล่าและมีภาพประกอบ
หยกบอกให้เค้าโหลดแล้วเซฟลง FlashDrive หรือ CD
แล้วเอาไปเปิดในคอมฯที่บ้านก็ได้
จะได้ไม่ต้องเปลืองหมึกปริ้นออกมา
เพราะลงรูปประกอบเรื่องเล่าไว้เพียบเลย
แต่เค้าก็ปริ้นออกมา (10กว่าแผ่น -_-‘) แล้วก็ส่งกลับไปให้ที่บ้าน
เค้าบอกว่าไม่เป็นไร แอบปริ้นที่ทำงาน
(โอ้ พนักงานดีเด่น (-_-)(_ _)(-_-) )
เพิ่งเขียนเล่าเรื่องที่ไปแคนาดาเสร็จ
แต่แม่งใหญ่กว่า 10Mb เลยส่งทาง e-mail ไม่ได้
ก็เลยส่งให้ตอนแชท ใช้เวลานานอยู่กว่าจะโหลดเสร็จ
อันนี้มัน สิบกว่าหน้า (คิดว่า)พี่เค้าก็เลยจะไรท์ลงแผ่น
แล้ววันไหนไปบ้านหยก ค่อยเอาไปเปิดให้ดู
(เลยแนะนำว่า ถ้าไม่ใช้ FlashDrive ก็ให้ใช้เป็น CD-RW เอา
จะได้ใช้ได้หลายครั้ง ประหยัดดี
คิดๆดูก็แปลกดี
หยกเขียนบล็อก เขียนไดฯออนไลน์
เล่าเรื่องต่างๆเกี่ยวกับตัวเอง
ให้เพื่อนๆ ให้คนแปลกหน้า(ในโลกไซเบอร์)ได้อ่านกัน
แต่คนใกล้ตัว อย่างคนในครอบครัว
ไม่เคยได้อ่าน ไม่ได้เห็นรูปต่างๆที่เราถ่าย
ไม่ได้รับรู้ความเป็นไปของเราที่นี่
ตลกดี..
ปล. ยังไงก็ฝากพี่มาร์ช ดูแลคนทางโน้นด้วยนะ
แล้วจะทำการ์ดแต่งงานให้ฟรี ไม่คิดตังค์ กั๊กๆๆ
หมายเหตุ: มันฝรั่งรส Spicy Thai รสชาดโอเค หวานนำเผ็ดตาม
(ดูแล้ว โคตรขี้เกียจเลย รูปนี้ -_-')
Subscribe to:
Posts (Atom)