.. เรื่องเล่าเล็กๆ ของถั่วลันเตาเขียวๆ..

นอกจากเรื่องเล่าต่างๆ รอบๆตัวเรา ที่หยกนำมาเล่าสู่กันฟังแล้ว

ก็ฟังเพลงเพราะๆ ความหมายดีๆ ประกอบไปด้วย..

คงช่วยให้วันหรือช่วงเวลาที่น่าเบื่อของคุณ ดีขึ้นบ้างล่ะ..เนาะ ^^


18.8.09

When the journey begins..

สวัสดี พ่อแม่พี่น้อง
ตอนนี้ หยกอยู่ที่ มิชิแกน สหรัฐอเมริกา เรียบร้อยแล้ว
เพิ่งจะมีเวลาได้เขียนไดฯก็วันนี้
ก่อนหน้านี้ก็ยุ่งๆนิดหน่อย
ต้องเก็บข้าวของให้เรียบร้อย ซื้อของเข้าบ้าน(เข้าตู้เย็น)
ผ่านมาร่วมอาทิตย์ ก็ค่อยมีเวลาหน่อย อะไรๆเริ่มเข้าที่เข้าทาง

เริ่มเล่าจากการเดินทางเลยละกันเนาะ
Photobucket - Video and Image Hosting

ก็ไปถึงสุวรรณภูมิประมาณตี3
ไฟลท์มันประมาณ 6.50 น. ก็ต้องไปเช็คอินก่อนประมาณ 2 ชม.
โชคดีที่ไปไวก่อนเวลา ก็เลยได้เช็คอินก่อน
ผ่าน ตม. ผ่าน security check point ราบรื่น ผ่านไปด้วยดี



ก็โทรลา พ่อแม่ ก่อนปิดมือถือ แล้วก็ขึ้นเครื่อง
อยากโทรหาเพื่อน แต่แม่งมันยังไม่ตื่นกันหรอก
ก็เลยกะว่า ถึงที่โน่นก่อนค่อยโทรทีเดียว
(ความรู้สึก มันเฉยๆ เหมือนแค่เดินทางไปเที่ยวปกติทั่วไป
บรรยากาศไม่เศร้า เพราะ ไม่มีใครมาส่ง
อันนี้ก็ดีเหมือนกัน เหอ เหอ)

6 ชม จาก บางกอก ถึง นาริตะ
บินวนอยู่นาน กว่าจะได้ลงจอด เพราะอากาศไม่ดี เมฆหนา และฝนตก
พอลงจอด ก็เลยวิ่งกันหูลู่ หน้าตั้ง (กันทั้งลำ)กลัวจะพลาดไฟลท์ต่อไป

พอขึ้นเครื่องได้ ก็ต้องนั่งรอกันอีก ร่วม ชม. เนื่องจากไม่สามารถบินได้
ฝนตก สนามเปียก เสี่ยงต่อการลื่นไถลออกนอกรันเวย์

9 ชม. จาก นาริตะ ถึง ซานฟราน
ไฟลท์นี้นานสุด ประมาณ 9 ชม.
ไม่ได้นั่งกับเดวิด เพราะพยายามจองที่แล้ว แต่มันไม่ได้
แต่ยังดีที่ได้นั่งข้างหน้าต่าง ก็หลับคอพับไปมา จนถึงจุดหมาย
Photobucket - Video and Image Hosting
(หยกลุกไปเข้าแค่ ครั้งเดียว อึดมาก ฮ่า ฮ่า
Photobucket - Video and Image Hosting )
Window seat มีทั้งข้อดีแล้วข้อเสีย ถ้าต้องนั่งนานๆ
ข้อดีคือ นอนสบายหน่อย คือ หัวสามารถพิงพาดด้านหน้าต่างได้
เห็นวิวได้อีกด้วย
ข้อเสีย คือ ไม่สามารถลุกไปเข้าห้องน้ำ หรือไปไหนได้ตามใจ
ต้องสุดๆแล้วเท่านั้น ถึงจะลุกไปเข้าห้องน้ำซักที
เพราะถ้าลุก คนอื่นๆ ก็ต้องลุกขยับให้เราออก

เที่ยวบินนี้ขอชื่นชมกัปตัน เพราะถึงจะออกจากนาริตะ ดีเลย์ร่วม ชม.
แต่ก็สามารถบินมาถึงซานฟรานได้ทัน หรือก่อนเวลาเสียอีกด้วย
ทำให้เรามีเวลาเหลือ พอที่จะต่อไฟลท์ได้สบายๆ ไม่ต้องรีบร้อน
โดยเฉพาะที่ซานฟราน..
เนื่องจากต้องรับกระเป๋าแล้ว ยังต้องผ่านตม.ที่อเมริกาอีกด้วย

ตรงดิ่งมาต่อแถวผ่าน ตม.
เพราะไม่ได้กรอกฟอร์มการเข้าอเมริกาบนเครื่อง (ที่ไทยเราเรียก ใบTM)
ทำให้เสียเวลากรอก เลยได้คิวเกือบสุดท้าย

โชคดีที่เลือกต่อแถว ที่เจ้าหน้าที่ค่อนข้างใจดีหน่อย
ก็เลยผ่านไปด้วยดี
(เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ชาย ตุ้ยนุ้ยๆ หัวโล้นๆ หน้าตาออกไปทางจีนๆหน่อย)
ถามคำถามง่ายๆ (มาทำอะไร เรียนที่ไหน ใครจ่ายค่าเรียน
สแกนนิ้วซิ เอ้า ถ่ายรูปหน่อย แค่เนียะ?)
แล้วก็ Welcome to America. Have a good day! :)

อืม.. แล้วใครขู่ตูไว้วะ ว่าตม.เมกาโหดนะเมิง จะถามจิกๆๆๆ
Photobucket - Video and Image Hosting
(แต่เคาท์เตอร์ข้างๆ เป็นแหม่ม หน้าตาจริงจัง
กว่าจะผ่านแต่ละคน นานมาก ดีที่ไม่ได้ต่อแถวนั้น -_-‘)

พอผ่าน ตม. ก็รับกระเป๋า แล้วต่อไปเป็นด่านเช็คกระเป๋า
ตอนจนท.คนหนึ่ง ตรวจพาสปอร์ต แล้วถามว่ามาจากไหนกัน
ก็บอกว่า กรุงเทพ ประเทศไทย
เค้าก็ถามว่า “พูดไทยได้มั้ย?” เป็นภาษาไทย!?! O_O??
ตกใจ เราก็เลยโพล่งไทยใส่ อ้า พี่พูดไทยได้หรอ?
แล้วเค้าก็หัวเราะ แล้วพูดกลับเป็นภาษาอังกฤษ ว่า ได้นิดหน่อย
(คือกุได้แค่นี้แหล่ะ ต่อไม่ได้แล้ว ฮ่า ฮ่า)

ด่านนี้เค้าจะตรวจว่า ขนเอาสิ่งต้องห้ามมามั้ย
เช่น อาหารสด พืชผัก เนื้อสัตว์ เมล็ดพันธ์
โดยอิงจาก Declaration Form ที่เค้าแจกให้กรอกบนเครื่องน่ะ
หยกกับเดวิด เขียนใบเดียว เพราะมาด้วยกัน
ก็ติ๊กว่า เอามา แล้วก็เขียนว่าเอาอะไรมาบ้าง
(ก็มีพวกเครื่องปรุงรส อย่าง คนอร์ก้อน ผงรสดี
เครื่องแกงสำเร็จรูป พวก แกงเขียวหวาน ต้มข่าไก่
แล้วก็มี กะทิ กะปิ พริกป่น บลาๆ แต่ไม่มีมาม่า เหอ เหอ ฮือ ฮือ)
หยกโดนยึด คนอร์และรสดีรสไก่
เค้าบอกว่า ประเทศไทยมีประหวัด ไข้หวัดนก ดังนั้น พวกสัตว์ปีก เข้าไม่ได้
ถ้าเอามา ก็บอกว่าเอามา เพราะถ้าเค้าไม่ให้เอาเข้า เค้าก็จะแค่ยึดไว้
แต่ถ้าไม่ได้ระบุว่าเอามา นอกจากจะโดนยึดแล้ว ยังถูกปรับและขึ้นบัญชีอีกด้วย
อย่างน้องผู้หญิงคนไทย (ที่มาเที่ยวเดียวกันต้องแต่สุวรรณภูมิ หน้าเธอจะบึ้งๆหน่อย)
โดนกักไว้ เท่าที่เห็น ก็มี ข้าวตังหน้าหมู แล้วอะไรอีกไม่รู้
ซึ่งข้าวตังหน้าหมู คือจำพวกเนื้อสัตว์ แต่คุณเธอติ๊กว่า ไม่ได้นำเนื้อเข้ามา
ก็จะได้ยินเจ้าหน้าที่พูดกับเธอช้าๆชัดๆ (แต่ดัง จนได้ยินกันหมด)ว่า
คุณไม่ได้เขียนตามความจริง ว่านำเนื้อสัตว์เข้ามา
คุณต้องถูกยึดของ และต้องถูกปรับ
Photobucket - Video and Image Hosting
(เท่าไรไม่แน่ใจ น่าจะประมาณ 300USD หรือเปล่านะ)
ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ตรวจของเรานั้น ดีมากๆๆๆๆๆ
Photobucket - Video and Image Hosting
บอกกับเราว่า เฮ้ คุณทำถูกต้องและดีมาก
ที่เขียนรายละเอียดมาให้ด้วยว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งช่วยให้เราทำงานได้ง่ายและไวขึ้น ;)
ซึ่งเท่าที่ดูนะ เจ้าหน้าที่ทุกคนดูสนุกกับการค้นข้าวของ
แล้วหัวเราะกันคิกคัก ตลกกับของที่ได้เจอว่า แต่ละคนขนเอาอะไรมาบ้าง
โดยเฉพาะคนเอเชีย จะขนของกินแปลกๆมาเพียบ
จนท. คนหนึ่งถึงกับพูดว่า เฮ้ย ชั้นชอบอันนี้ อร่อยดี (รสดี น่ะ ฮ่า ฮ่า)

อ้อ ตอนผ่านด่าน security check point ฮามาก..
คือเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่จะเป็นคนผิวสี
เค้าก็จะพูดทั้งกันเองกับผู้โดยสาร สำเนียงฮิบฮอบมาก
Hey dude! Yo guys!
เจอของจริงแล้ว ขำโคตร..

ก็ผ่านไปด้วยดี รอขึ้นไฟลท์เที่ยวต่อไป

4 ชม. ซานฟราน ถึง ชิคาโก้
เที่ยวนี้ได้กลับมานั่งกับลุงเด แต่ไม่ได้นั่งข้างหน้าต่าง
แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะแค่ 4 ชม.
แต่ไปๆมาๆ เริ่มตระหนักแล้วว่า นั่งข้างหน้าต่างดีที่สุด(สำหรับเรา)
เพราะนั่งริม แม่ง.. เมื่อยชิหาย
บอกเดวิดไว้เลยว่า จะไปไหน ถ้าต้องนั่งนานกว่า 2ชม
หนูขอที่ติดหน้าต่างเท่านั้นนะ ไม่เอาแล้วที่ริมหรือตรงกลาง
Photobucket - Video and Image Hosting
(รู้สึกไฟลท์นี้จะเป็นไฟลท์แรกที่ไม่ได้นั่งติดหน้าต่าง)
หลับคอพับไปมา สวิงติ้วๆ จนครบ 4 ชม. ถึงชิคาโก้
Photobucket - Video and Image Hosting

เดวิดบอกว่า ชิคาโก้เป็นสนามบินเก่าแก่ แต่ป็อปและสำคัญมากๆ
รู้สึกว่า จะมีเที่ยวบินไปทุกที่รอบโลก หรือไม่ ส่วนใหญ่ก็ต้องมา connect ที่นี่
เพราะเป็นสนามบินเก่า แล้วยุ่งมาก จึงต้องขยาย โดยการต่อตึกไปเรื่อยๆ
ทำให้เกทที่เพื่ม เริ่มไกลกันไปเรื่อยๆ
อย่างเกทที่เราไปต่อ คือ เกท 90 ซึ่งอยู่สุดโต่งเลยเดินไกลหน่อย
แต่พอมีเวลา ก็เลยเดินเรื่อยๆและแวะถ่ายรูปไปด้วย



เหลืออีกไฟลท์เดียวเท่านั้น เย้ๆ (เฮ้อ..อ..อ..)

30 นาที จาก ชิคาโก้ ถึง แลนซิ่ง
ไฟลท์นี้เป็นเพียงไฟลท์สั้นๆและผู้โดยสารไม่มาก
ก็เลยเป็นเครื่องบินขนาดเล็ก มีแอร์เพียงคนเดียว
และไม่มีการเสริฟอาหารหรือเครื่องดื่ม

เมื่อมาถึงสนามบิน ก็รอรับกระเป๋า
เดวิดโทรนัดให้เพื่อนชื่อ Glen มารับ
(เกลน เป็นเจ้าของห้องที่เดวิดเช่าอยู่)
แต่เกลนไม่มา มาแต่ Stephani
สเต็ฟ เป็นผู้หญิงที่ฮามาก
อารมณ์ดี ยิ้มและขำตลอด
สเต็ฟบอกว่า เกลนอยู่ รพ. มีปัญหาเรื่องหลัง
ก็เลยให้เค้ามารับแทน


20นาที จากสนามบินแลนซิ่งถึงบ้าน
เมื่อขนของลงจากรถ ขอบคุณและร่ำลากัน
สเต็ฟก็ขับรถจากไป

คุณสามีให้เราไขกุญแจเข้าบ้าน
ไข ไข ไข..

..............

ไข ไม่ได้..
Photobucket - Video and Image Hosting

พยายามกันอยู่ 20 นาที
เมื่อเป็นที่พอใจแล้วว่า แม่งไม่ได้แน่ๆ
ก็โทรหาสเต็ฟ และ เกลน
สเต็ฟกลับมา เพื่อดูว่าช่วยอะไรได้บ้าง
โทรหาJamie ภรรยาเกลน เจ้าของบ้าน ซึ่งอยู่ รพ.กันหมด
เจมมี่ และเกลนจะกลับมาบ้านภายใน 20นาที

ก็ รอ ร๊อ รอ..



ระหว่างรอ โทรหา Don&Elaine ว่าถึงแล้ว
แต่เข้าบ้านไม่ได้ เหอ เหอ (_ _')

พอเกลนและเจมมี่มา ก็ได้เข้าบ้าน.. เสียที
Photobucket - Video and Image Hosting

1 comment:

Anonymous said...

พี่หยก โยะเองนะ

ไม่รู้ยังจำกันได้อยู่ป่าว ว

ยินดีด้วยนะคะ ดูภาพแล้วบรรยากาศชื่นมื่นเชียว

งานคนเย้อเยอะ(ดูท่าเจ้าสาวจะเหนื่อยเอาการ55+)


ขอให้ชีวิตคู่จากนี้และต่อไปของพี่หยกและเดวิด
มีแต่ความราบรื่นนะจ๊ะ ขอเป็นกำลังใจให้(^~^)y