.. เรื่องเล่าเล็กๆ ของถั่วลันเตาเขียวๆ..

นอกจากเรื่องเล่าต่างๆ รอบๆตัวเรา ที่หยกนำมาเล่าสู่กันฟังแล้ว

ก็ฟังเพลงเพราะๆ ความหมายดีๆ ประกอบไปด้วย..

คงช่วยให้วันหรือช่วงเวลาที่น่าเบื่อของคุณ ดีขึ้นบ้างล่ะ..เนาะ ^^


18.10.10

อำลาไทย..

13 ตค 2010
ช่วงบ่ายๆ หมกตัวอยู่แต่บนห้อง เพราะต้องแพคของให้เสร็จ
จัดกระเป๋าไปมา ของหลายอย่างที่ตั้งใจว่าจะเอามาด้วยก็ไม่ได้เอามา
เนื่องจากกระเป๋าเริ่มเต็ม -_-' ก็ชักโน่นนี่ออกไปเรื่อยๆ
สภาพห้องตอนจัด.. รกสุดๆ
Image Hosted by ImageShack.us

ของที่ขนมาด้วย ก็มีซอสสองสามอย่าง และของทำขนมกับข้าวบางอย่าง
เลือกที่เราหาไม่ได้ที่โน่น เน้นหนักไปทางโลโบ เพราะสะดวกดี (เน้นแกงเขียวหวานกะต้มข่าไก่)
Image Hosted by ImageShack.us

ส่วนกะทิเลือกเอาแบบผงไป เพราะไม่หนักและไม่แต่แน่นอน
เป็นของชาวเกาะ ซองละ 15บาท แพงกว่าแบบกล่องแต่ก็โอเค

14 ตค 2010
เช้านี้ตื่นประมาณเกือบๆตีสอง ลุกมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ออกจากบ้านประมาณตีสอง
พ่อกับแม่(และพี่ยศ คนแถวบ้านที่รู้ทาง) ขับรถไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไปถึงประมาณตีสาม
ก็ขนกระเป๋ามาใส่รถเข็น แล้วก็ไปนั่งรอเวลาเช็คอินกระเป๋า
Image Hosted by ImageShack.us

Image Hosted by ImageShack.us

(หยก c/n online ตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าแล้ว และรู้ว่า ที่นั่งเราอยู่ตรงไหน
ซึ่งจองไว้ตั้งแต่มาแล้วล่ะ ว่านั่งริมหน้าต่างหมดทุกไฟล์ เนื่องจากหยกจะได้นอนได้สะดวกๆหน่อย
เคยนั่งที่ไม่ติดหน้าต่าง นรกสุดๆ Y_Y)
ประมาณตีสี่กว่าๆ เค้าก็เปิดเค้าท์เตอร์ให้ c/n ได้ ซึ่งถือว่า ไวมากๆ
ตอนแรกนึกว่าคงจะต้องรอจนตีห้าเสียอีก พอเช็คกระเป๋าเสร็จ
(ใบละเกือบๆ 25 กก. ซึ่งจริงๆให้หแต่ใบละ 23 กก. เท่านั้น แต่เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร)
Image Hosted by ImageShack.us
กระเป๋าสามใบ โหลดสองใบ อีกใบเป็นแคร์รี่ออน
(แต่หนักน่าดู ต้องขอให้คนบนเครื่องยกให้ตลอด :P )

หยกก็ชวนแม่เดินรอบๆ ถ่ายรูปไปเรื่อย แล้วก็ลงไปซื้อไส้กรอกกินแก้หิวที่ 7/11 และน้ำหนึ่งขวด
ยังเช้ามาก คนก็เลยยังไม่ค่อยมีเท่าไร
Image Hosted by ImageShack.us
ก่อนกลับมาที่รอ ก็ได้พวงกุญแจมาหนึ่งอัน ด้านหนึ่งเป็นวัดพระแก้ว อีกด้านเป็นประเทศไทยสีธงชาติ
ธรรมดา แต่หาซื้อที่เมกาไม่ได้แน่ ก็เลยซื้อมาหนึ่งอัน (แม่ออกตังค์ให้) อันละ 100 บาท เท่านั้น

Image Hosted by ImageShack.us
ไฟลท์หยก UA882 Chicago หาเจอมะ?

แล้วก็กลับมาตรงที่รอ นั่งส่งข้อความหาเพื่อนๆ บอกลาว่า “กุจะไปแล้วนะ”
ซักพักหญิงกลอยก็โทรกลับมา เพราะมันรู้ว่าหยกจะไปเช้านี้ มันก็เลยเอาโทรศัพท์มาไว้ข้างๆหัวนอน
พอข้อความดัง มันก็ตื่น แล้วก็โทรกลับมา
(มันบอกว่า คราวที่แล้วหยกไป หยกส่งไปหามัน แต่มันไม่ได้ยิน
ก็เลยไม่ได้บอกลาคราวก่อน แต่คราวนี้ไม่พลาด ซึ้งใจเพื่อน Y_Y)

ประมาณเกือบๆตีห้า หยกก็ลาเข้าไปข้างใน เพราะต้องผ่านตรงตม. แล้วก็ security check point อีก
ตอนแรกก็ชิวๆ แต่พอถึงเวลาต้องไปจริงๆ ก็ใจหายนะ
(ตอนไปครั้งแรกพร้อมเดวิด ไม่มีใครมาส่งเลย ก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไร)
พอกอดลาพ่อกะแม่ กุน้ำตาแตกซะงั้น ท่าดีมาตั้งนาน
แม่ก็บอก เฮ้ย จะร้องทำไม แม่ยังไม่ร้องเลย
(แต่หยกว่า ถ้าหยกร้องต่ออีกหน่อย แม่ก็คงร้องตาม ฮ่าๆๆๆ)

พอลาพ่อแม่ ก็เดินเข้ามาข้างในผ่าน ตม. (โดยไม่ได้ถามอะไรเล้ย)
ก็ผ่านมาที่ security เจ้าหน้าที่เห็นหยกหอบหมอนมาด้วย
มีการแซว “โอ้ กะมานอนเต็มที่เลยใช่มั้ยเนี่ย” “ก็หมอนบนเครื่องมันเล็กอ่ะ” เค้าก็ขำกัน
พอควักเอาโน้ตบุ๊คออกมาใส่ตระกร้า เพื่อผ่านเครื่องสแกน
เจ้าหน้าที่(อีกคน)พูดว่า “น่ารักจัง”
คือเค้าเห็นที่ปลอกใส่โน้ตบุ๊คสีชมพู-ขาว ที่หยกถักเองนี่
ไม่ได้ชมหยกนะ หยกก็บอกว่า ดำแล้ว ยังไม่ได้ซักเลยค่ะ -_-^
เค้าก็ขำ

ผ่านเข้ามาด้านใน ก็ตรงได้เกท D2 ผ่านพวก Duty Free ของที่ระลึก ของกินต่างๆ
แล้วก็ต้องมาตรวจอีกรอบก่อนผ่านไปรอที่เกท D2 ก็ไม่มีอะไรมาก ตรวจๆรื้อๆดู ผ่าน

โชคดีที่ระหว่างรอเวลาขึ้นเครื่อง ปวดท้องอึ๊พอดี ก็เลยจัดการเคลียร์ท้องซะเรียบร้อยเลย
โล่งดี..
อ้อ.. แม่งเสือกเป็นเมนส์เมื่อวาน วันนี้วันที่สอง มันจะกระหน่ำมาก..
แต่ก็เตรียมผ้าอนามัยมาเต็มพิกัดมาก (เป็นห่อๆกันเลย ว๊ะ ฮ่า ฮ่า)
แล้วก็ไม่ลืม ซัดยาแก้ปวดท้องเมนส์ด้วย กันไว้ เด๋วไปนั่งน้ำตาเล็ดบนเครื่อง Y_Y

UA882 Bkk-Narita
หยกได้นั่งตรงหน้าต่างที่ 33A เป็นที่นั่งคู่ (ล็อคตรงกลางนั่งสี่แน่ะ)
ได้หนุ่มญี่ปุ่นนั่งข้างๆ หน้าตาดีใช้ได้ เครื่องยังไม่ทันออก มันหลับล่วงหน้าไปแล้ว
ซึ่งหยกชอบมากเลย ที่มีคนนั่งข้างๆที่หลับและนิ่งตลอดการเดินทาง
ไม่ชอบคนที่บ้าพาว แบบดูหนัง ฟังเพลง เล่นBBหรือIphone หรือคอม ตลอดเวลา
เพราะถ้ามันทำกิจการรมพวกนี้ มันต้องมีไฟหรือแสงสว่าง ซึ่งกุจะนอน แสงเมิงแทงตากุ –“-

พอถึงเวลาที่ต้องการไปฉี่
(ซึ่งเที่ยวบินนี้ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชม. หยกลุกไปฉี่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว)
ก็ต้องรบกวนคนข้างๆให้ลุกเพื่อเราจะได้ออกไป(ฉี่)ได้
แล้วมันหลับอยู่ไง มารยาท ก็แค่แต่ๆแขนหรือขา เพื่อปลุกให้ตื่น
แต่ะๆ.. นิ่ง
แต่ะๆๆๆ อีก.. ก็นิ่ง
จับๆบีบๆแขน...พร้อมพูด “Excuse me..” ... แม่งก็ยังนิ่ง
ตอนนี้นึกขำ.. ไอ้เชี่ยนี่แม่งหลับได้โล่ห์ -_-‘
เว้นระยะซักพัก.. ก็พยายามปลุกอีก แต่ก็ไม่สำเร็จ...
เขย่าจน.. ยอมแพ้อ่ะ Y_Y (กุปวดฉี่..)
(ถ้ากุปล้ำมัน ปล้ำจนเสร็จสม แม่งก็คงยังไม่รู้ว่า กุอ่ะ “ได้” มันแล้ว (_ _’)

ก็เลยทำได้แค่รอ ให้แม่งตื่นเอง..
รออยู่ประมาณ 15 นาที มันก็ขยับตัว
ฮ้า!! โอกาสนี้แหล่ะ กุสะกิดแม่งเลย
ได้ผล มันรู้แล้วก็ลุกให้เราออกไป
นั่งฉี่..แบบ ยาวนานมาก.. เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด
(กลัวมันจะนึกว่าเราไปอึ๊ เพราะหายไปนาน ฮ่าๆๆ)
แล้วก็กลับมาที่นั่ง..
หยกเปิดดู Map เห็นว่า อีกน่าจะประมาณ 2-3 ชม ก็คงจะถึง ก็เลยไม่นอน
เปิดหนังดู..
ดีที่มีหนังดีๆหลายเรื่องอย่าง
Grow Up (ว้าว ดีนะที่ไม่ได้เสียตังค์ดูในโรง เพราะบนเครื่องก็มีให้ดู ก็ตลกดีนะ แต่ไม่มากเท่าไร)
Twilight-Eclipses (ภาค3 แล้ว ภาคนี้ เอ็ดเวิร์ดเท่มาก ตอนที่สู้กันน่ะ เปรี้ยวสุดๆ),
Toy Story 3 ดูแค่หางๆเปิดผ่านๆ ก็น่ารักดี ตอนที่ Andy บอกลาของเล่นต่างๆ)

แล้วก็ถึงนาริตะอย่างปลอดภัย มีเวลาต่อเครื่องประมาณ 1 ชม.
ออกจากเครื่องมา ก็ตรงตามป้ายไป (International connecting flights)
ผ่าน security check point อีกรอบ
(โดนรื้อกระเป๋า แล้วผ่านเครื่องสแกนสองรอบ แต่ก็เรียบร้อยดี ไม่โดนยึดอะไร)
Image Hosted by ImageShack.us
บรรยากาศโดยรอบ ที่สนามบินนาริตะ

ก็มานั่งรอเครื่องที่ Gate (จำไม่ได้ว่าเกทไหน)
ไม่นาน ก็ได้ขึ้นเครื่อง..

Image Hosted by ImageShack.us
UA882 Narita-Chicago (O’Hare) ลำใหญ่มากอ่ะ..

ไฟลท์นี้จะเป็นไฟลท์ที่ยาวที่สุดของการเดินทางนี้ คือประมาณ 12ชม.
คือนั่งกันให้ตูดบานชากันไปเลย..
หยกได้ที่นั่งด้านขวาเครื่อง ติดหน้าต่างอีกครั้ง 40K
เครื่องนี้แบ่งเป็น 3 ล็อค 3:4:3
ตอนแรกมี ช.ญี่ปุ่น ญ.ฝรั่ง และ ญ.ไทยใจงาม (กุเอง)
พอคนขึ้นหมด.. Flight Attendant ก็มาสะกิด ญ.ฝรั่งที่นั่งตรงกลางว่า
ด้านหลังมี่ที่ริมทางเดินว่าง หากต้องการย้ายก็ย้ายได้
เพราะจะได้ไม่ต้องนั่งเบียดกัน หรือเค้าจะได้สบายหน่อย
(เพราะนั่งตรงกลาง แม่งนรกสุดๆอ่ะ ซ้ายขวาติดหมดไง)
เค้าก็ย้ายไป.. ตรงกลางที่หยกนั่งก็เลยว่าง..
โอ้ววว.. โชคดีอะไรเยี่ยงนี้หนอ ซ้ายว่าง ขวาติดหน้าต่าง
จะลุกฉี่ก็แค่สะกิดคนเดียว..เปรี้ยวววว คร่า...
(โชคดีจริงๆที่เค้าเลือกบอกตรงที่นั่งเรา เพราะมีหลายแถวแต่เค้าเลือกบอกแถวเรา)

พอเครื่องออก ก็ซัดยาแก้เมารถเลย (ไม่รู้ใช้ได้ผลก็เครื่องบินหรือเปล่านะ :P )
หยกไม่ได้เมาเครื่องหรอก ไม่เคยเมาเลย
แต่เพราะอยากหลับสนิทๆหน่อย เพราะกินยานี่แล้วจะง่วงไง ก็ซัดแม่งเลย
ได้ผลคร่า.. ไม่กี่นาทีต่อมา หนังตาหนักมากกก พิงหมอนยักษ์ หลับไปเลย..
ผ่านไปประมาณหกชม.ได้มั้ง ครึ่งทางๆ ก็ซัดไปอีกเม็ด.. หลับต่ออีก..
(กินข้าว กินน้ำ แทบจะหลับคาช้อนกันเลย เพราะมึนๆไง ง่วงตลอด)

อ้อ.. ใกล้ๆจะถึง แม่งเมื่อยมาก.. ไม่อยากนั่งแล้วอ่ะ ปวดหลังสุดๆ
ก็เลย เอาหมอนวางตรองที่นั่งตรงกลางที่ว่างอยู่ แล้วนอนยาวเลยสองที่นั่งฮ่าๆๆ
สบายจริงๆ.. Y_Y

พอถึง Chicago ก็ลงเครื่อง เพื่อต่อไปจุดหมายสุดท้าย..
Chicago เป็นป้ายแรกที่เข้า USA ถึงจะต่อหรือไม่ต่อเครื่องก็ต้องผ่าน ตม. ก่อน
เดินออกจากเครื่องมาต่อแถวที่ ตรวจคนเข้าเมือง
ไอ้หย๋า.. แถวยาวมากกกก..
แต่ก็ไม่เดิอดร้อนอะไรเพราะมีเวลาเหลือเยอะมากๆ 5 ชม อ่ะ ไม่พอก็ให้มันรู้ไปเจ้าคร่า..
ต่อแถวคดเคี้ยวไปมา..
หญิงหยกโชคดีที่ว่า เค้าตัดแถวไปไปต่อตรงส่วนของ US & Permanent Resident ซึ่งว่างอยู่
(เค้าจะแบ่งเป็น visitor กะ US citizen ไง ส่วนของ visitor น่ะ ยาวมาก)
ก็เลยได้คิวไว้ขึ้นอีก..
เมื่อถึงเราก็ส่ง passport กะ I-94 (ที่กรอกบนเครื่องมาแล้ว) ให้เจ้าหน้าที่
เค้าก็เปิดดูโน่นนี่นั่นตามประสา แล้วก็ถามว่า สามีทำงานอยู่ที่นี่หรอ?
เราก็ว่า ใช่ เค้าก็ส่ง I-94 คืนมาแล้วบอกว่า ลอกตรงนี้ลงไปนะ
เราก็ลอกๆ(จากหน้าวีซ่าน่ะ ที่ว่า ชื่อสามี ที่ทำงานและเลขใบอนุญาติทำงาน)
เสร็จ ก็สแกนนิ้วมือ เค้าก็สแต้มป์ ว่า H4 ให้ แล้วก็เย็บส่วนท้ายของ I-94 ให้
แล้วก็นึกได้ว่า ตอนออกจาก US คราวที่แล้ว ลืมคืน I-94 ใบเก่าให้
เค้าก็ โอ้ว ขอบคุณ งั้นผมเก็บไว้ให้เอง แล้วเค้าก็ดึงไป แล้วก็วางไว้กับของคนอื่นๆซึ่งมี 3-4ใบก่อนหน้า
(ง่ายยังงั้นเชียว เพราะก่อนหน้านี้อ่านในเน็ต เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่หากไม่ได้คืน I-94 ตอนออกประเทศ)
นึกแปลกใจ กุผ่านตม.มาง่ายจริงๆ ไม่ถามอะไรเลย.. -_-‘

แล้วก็ออกมารับกระเป๋า เข็นต่อไป ผ่านเจ้าหน้าที่ตรวจกระเป๋าซึ่งเป็นแต่บูทธรรมดา
ก็ยื่น Declaration Form ให้ไป แล้วก็ผ่าน..
ไม่มีการตรวจรื้อกระเป๋าหาของห้ามนำเข้า (อย่างอาหารหรืออะไร อย่างที่ ซานฟราน เลย)
แล้วหยกก็ฝากกระเป๋าต่อ (เจ้าหน้าที่จะถามตอนเราเข็นผ่านว่า “connecting flight? This way, pls”
เค้าก็ยกกระเป๋าเราลงสายพาน ก็เสร็จ แล้วก็ไล่เราไปต่อเครื่อง..

ก็นั่ง รถไฟต่อไป terminal ที่เรามีไฟลท์
(ตรงนี้แอบหลง ลงผิดterminal 5555 แต่ก็ไม่เป็นไร ถามเจ้าหน้าที่ เค้าก็บอกว่าต้องไปเทอร์ไหน)

ไฟลท์ UA ต้องลงที่ Terminal 1
ผ่านด่าน security check อีกรอบ.. แถวยาวมากกกกก อีกแล้ว
ก็ไม่เดือดร้อนเพราะเวลาเรายังเหลือเยอะมาก
แต่มีหลายคนเริ่มกระสับกระส่าย เพราะเครื่องจะขึ้นแล้ว แต่ยังต่อแถวอยู่เลย
มีผู้หญิงคนหนึ่ง ขอแทรกๆมาด้านหน้า เพราะใกล้ตกไฟลท์
เจ้าหน้าที่เบรกประมาณว่า ผมไม่มีปัญหาที่จะให้คุณลัดคิวนะ แต่ผมจะมีปัญหากะอีกร้อยคนที่อยู่ด้านหลังคุณนี่สิ
ถ้าเกิดเค้าร้องเรียนผมขึ้นมา จะทำไง? คุณต้องคุยกะพวกเค้าเองนะ
แล้วเธอก็หันมาถามคนข้างหลังว่า จะรังเกียจมั้ยหากเธอขอผ่านไปก่อน เพราะเธอจะตกไฟลท์
คนอื่นๆก็บอกว่า ไม่เป็นไร ไปเถอะ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้ผ่านไป (คือลัดไปผ่านเครื่องสแกนก่อนน่ะ)

แล้วหยกก็โชคดีอีกครั้งที่ว่า เจ้าหน้าที่เรียกให้ตั้งแต่หยกไป ลัดคิวมาต่ออีกแถวซึ่งสั้นกว่า
ฮิ้ววว..

เมื่อผ่านเข้ามาแล้วก็ดูว่า ไฟลท์เราต้องไปเกทไหน (C17)
เดินมาเกท C17 แล้ว ยังเหลือเวลาประมาณ 2 ชม กว่าจะได้เวลาขึ้นเครื่อง
ก็นอนรอเวลา (นอนจริงๆนะ เอาหมอนวางตรงที่นั่ง แล้วก็นอนยาวสองที่เลย
สบาย..
ลุกมากินขนมปัง (ที่เก็บมาจากเที่ยวบินที่แล้ว กั๊กๆๆ) กินน้ำ แล้วก็นอนต่อ..

พอ 6.50pm ก็ขึ้นเครื่อง 7.20pm ก็ออกเดินทาง
เที่ยวบินนี้น่ารักที่ว่า เจ้าหน้าที่โก๊ะหน่อยๆ
คือเค้าก็กล่าวต้อนรับปกติล่ะ ว่ายินดีต้อนรับทุกคน เที่ยวบินนี้จะเดินทางจาก
Chicaco ไป Pittsburg เอ๋.. อ้อ Harrisburg โทษที -_-^ ฮา..
แล้วก็ปิดท้ายด้วยว่า ไม่ต้องห่วง เราจะไปถูกที่แน่ (ขำก๊ากกันทั้งเครื่อง)

พอถึง เจ้าหน้าที่ก็จะบอกผู้โดยสารตามปกติว่า อีกกี่นาทีเครื่องจะลง เวลาท้องถิ่น
แล้วก็มีมุขอีช่วงบอกว่า ตอนนี้เราถึง...เว้นระยะนึก.. แฮริสเบิร์ก แล้ว (ขำกันไป แต่ฮาจริงๆนะ)

ถึงสนามบินโดยสวัสดิภาพ ซึ่งรู้สึกว่า น่าจะก่อนกำหนด ร่วมๆ ชม.
เราก็กลัวๆว่า เดวิดอาจจะยังมาไม่ถึง
ก็เดินลงไปรับกระเป๋า..
ระหว่างรอกระเป๋า ก็หันมาด้านหลัง
เห็นผู้ชายหน้าตาดียืนถือป้ายมารับ
อ้อ.. ผัวกุเอง ฮ่าๆๆ
(คิดถึงจังเล้ยยยยยย.. Y_Y)
รับกระเป๋า แล้วก็บับรถดิ่งกลับบ้าน ระหว่างทางก็เล่าโน่นนี่ระหว่างเดินทางไปเรื่อย..

จบการเดินทางครึ่งโลก.. โดยสวัสดิภาพ

2 comments:

h.ping said...

อ่านแล้วเหนื่อยแทนเลยค่ะ
แต่ขำมากค่ะ
55555

SweetPeaYok said...

ถ้าเดินทางคนเดียว
แล้วมีเวลาเหลือระหว่างเปลี่ยนเครื่อง
ก็จะชิวๆจ่ะ ไม่เครียดมาก

แต่ตอนกลับบ้าน มีเวลาตอนเปลี่ยนเครื่องน้อยมาก
วิ่งหาเกทจนลิ้นห้อยเลย