.. เรื่องเล่าเล็กๆ ของถั่วลันเตาเขียวๆ..

นอกจากเรื่องเล่าต่างๆ รอบๆตัวเรา ที่หยกนำมาเล่าสู่กันฟังแล้ว

ก็ฟังเพลงเพราะๆ ความหมายดีๆ ประกอบไปด้วย..

คงช่วยให้วันหรือช่วงเวลาที่น่าเบื่อของคุณ ดีขึ้นบ้างล่ะ..เนาะ ^^


24.2.10

คุณนายหยก..

ความเดิมตอนที่แล้ว..

เรียนจบได้งานทำที่ Kanary H.
ความสัมพันธ์กับแฟน เริ่มอ่อนลง..
..........................................................
เอ้าต่อๆ..

ตอนนี้รู้สึกเหมือน คนโสด
เพราะมีแฟน ก็เหมือนไม่มี -_-'
ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุย
ไม่ได้รู้ข่าวคราวของแต่ละฝ่ายร่วมปี.. -"-

ก็เริ่มมีคนมาจีบบ้าง ประปราย..
เพราะตอนนี้สิ่งแวดล้อม คือ ชาวต่างชาติ
ผู้ชายที่เข้ามา ก็ อิมพอร์ตทั้งนั้น.. (_ _')

เริ่มแรก อิตาลี ก่อนเลย
หล่อนะ แก้มเเดง ก้นงอน แต่เตี้ยไปหน่อย
พูดอังกฤษก็ สำเนียงอิตาลี ฟังยากไป
ผ่านๆ.. (-.,-)

คนที่สองนี่ เมกัน
ไม่ได้พักที่ Kanary แต่มากินข้าวที่ Orchard Rest.
แล้วก็เดินเข้ามาสอบถามราคาห้องพัก แพคเกจต่างๆ
เราก็อธิบายไป..
แล้วเค้าก็โพล่งภาษาไทยออกมา
เราก็ เฮ้..พูดไทยได้นี่ จ๋าเลย..
เค้าก็ว่า จริงๆไม่ได้สนใจห้องพักที่นี่หรอก
แต่มากินข้าวแล้วเห็นเรา ก็เลยเข้ามาคุย
ออกแนว เพลย์บอยหน่อยๆ
ยอมรับนะว่า หล่อ ปากหวาน อายุไม่มาก (สามสิบต้นๆ)
เป็นอาจารย์อยูเอแบค สอนเสริมที่ จุฬาฯด้วย
แต่เดทด้วยกัน สองสามครั้ง ก็บายๆ
ปากหวาน มือไว ไม่ไหวๆ..
ขืนคบไป มีหวังต้องระแวงเรื่องสาวๆแน่.. T^T

แล้วก็มาถึง มิสเตอร์ห้อง 1007
คนนี้มาเรียบๆ เนียนๆ
มาที่Front แล้วก็บ่นว่า ตู้จม.ล็อคไม่ได้
เราก็เดินไปดูกับเค้า คุยกันไปด้วย
แล้วเค้าก็โพล่งมา เฮ้ พูดภาษาอังกฤษได้นี่
เราก็ เอ๊ะในใจ พูดไม่ได้ ตูจะได้งานที่นี่หรอ(ฟ๊ะ)

วันหนึ่ง เค้าจะไปเที่ยวลาว
ก็แวะมาแจ้งว่าจะไม่อยู่ และขอชื่อทุกคน
เพราะจะเขียนโปสการ์ดส่งมาให้

อาทิตย์หนึ่งต่อมา หยกและทุกคนก็ได้โปสการ์ดจากเค้า

Image Hosted by ImageShack.us
Image Hosted by ImageShack.us

เป็นโปสการ์ดใบแรกที่ได้ในชีวิต
และเป็นจุดเริ่มต้นของเราสองคน..

แต่ระหว่างที่หยกทำงานที่นั่น
ไม่มีอะไรมากกว่า ลูกค้าและพนักงานเลย
(เคยเข้าไปห้องเค้าครั้งหนึ่ง
แต่ไปเช็คถังแก๊ส กับช่าง น่ะ)

พอทำงานได้ครบปี หยกก็ได้งานใหม่ ที่ AllSeasonsPlace
ส่วนเดวิด ก็ย้ายออกไปเช่าคอนโดอยู่

หยกกับเดวิดห่างกันไปซักพัก
แต่แล้วก็ได้กลับมาพบกันอีก

เพราะไม่อยากให้เราไปๆมาๆ ระหว่างห้องเค้ากับห้องเรา
เค้าก็ชวนมาอยู่ด้วยกันที่คอนโด

ตอนเริ่มคบกันนั้น เค้าบอกเราไว้ก่อนแล้วว่า
เค้าต้องย้ายไปเมกาในอีกไม่กี่เดือน
และไม่รู้ว่า เมื่อไรจะได้กลับมาพบกัน
หรือความสัมพันธ์จะเป็นไงต่อไป??
นอกจากนี้ เราและเค้าก็อายุห่างกันมาก
ตอนคบกันนี่ หยก 22 เค้า 42
ก็ห่างกัน 20ปีพอดีเป๊ะๆ
อีกทั้งยังแจงด้วยว่า เค้าไม่สนใจที่จะ
มีครอบครัว หรือแต่งงานนะ..

แต่เราก็ยังยืนยันว่า จะลองคบกันดู..

ผ่านไป..ทุกอย่างเป็นไปได้ดี..
คบกันได้ ไม่มีปัญหา

จะกระทั่งถึงวันที่เค้าต้องย้ายจริงๆ
ก็ไปส่งเค้าที่สนามบินดอนเมือง
(ตอนนั้น สุวรรณภูมิยังไม่เปิดใช้)
ตอนลากัน หยกสัญญาว่า จะรอเค้า
เค้าก็บอกอย่าสัญญา เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นไง
แต่เราก็ยังยืนยัน ว่าจะรอ

ร้องไห้..

จำไม่ได้ว่าเคยร้องไห้หนักขนาดนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไร

หยกกับเค้าก็ยังคงติดต่อกันเรื่อยๆ
เหมือนคู่อื่นๆ คือ แชท อีเมลล์ และโทรศัพท์
แต่พิเศษกว่านั้นคือ เรามักจะส่งการ์ด จม. และโปสการ์ด
หากันเสมอ ตลอด 4ปีที่ห่างกัน (จม.เป็นกล่องๆ)

ตอนแรกก็คิดเหมือนกันว่า จะไปรอดมั้ย
เพราะรักครั้งแรกไปไม่รอดเพราะห่างกัน
แค่พิจิตรกับบางกอกยังไม่รอด
แล้วนี่ ไทยแลนด์กับเมกา ครึ่งโลกเชียวหนา.. -_-'

ปีแรก เค้าให้หยกลองขอวีซ่ามาเที่ยวแคนาดาดู
แต่ก็ถูกปฏิเสธ ทำไรไม่ได้เลย นอกจากร้องไห้ -_-'

เค้ามาหาหยกปีละครั้ง..
ทุกครั้งที่มา ก็จะไปเที่ยวด้วยกัน

ระหว่างที่อยู่ห่างกันนี้
หยกปิดตัวเองสนิทเลย คือ ตัวคนเดียวจริงๆ
ไปดูหนัง ซื้อของ หรือทำอะไร
ก็จะไปคนเดียวเสมอ เพื่อนก็ไม่ชวนให้ไปด้วย
(แต่ยังมีเพื่อนอยู่น๊า ยังโทรคุยบ้าง เจอกันบ้าง)
และค้นพบว่า การไปดูหนังคนเดียวนี่ ดีที่สุด
(ใครไม่เคยไปดูหนังคนเดียว ต้องลองดูค่ะ
เลือกที่นั่ง ด้านนอกริมสุดเลยนะ
เพราะส่วนมากจะไม่ต้องนั่งติดกับใคร)

จนเมือปี 52 แชทกันอยู่ดีๆ เค้าก็เกิดไอเดียว่า
ลองขอวีซ่ามาอยู่เมกากับเค้ามั้ย
เพราะเป็นปีสุดท้ายแล้วที่เค้าจะเรียนที่นี่
เราก็งง แล้วตูจะไปได้ไง แคนาดายังไปไม่ได้เลย
เค้าก็ว่า ก็แอดชื่อ เป็น คู่สมรสไง
เราก็ว่า ยิ่งไม่ได้ใหญ่ ยังไม่ได้แต่งงานกันเลย
แล้วก็นึกได้..
เด๋วนะ นี่กะลังขอเราแต่งงานอยู่หรือเปล่า?

แล้วโทรศัพท์ก็ดัง พอเรารับสาย
ก็ได้ยินเสียงเค้าพูดผ่านมา..

"Wipawadee..Will you marry me?"

O_________o..

yes! TT_TT
(รีบตอบๆ เด๋วเค้าเปลี่ยนใจ ฮ่าๆ)

ระหว่างรอคุณว่าที่สามีกลับมาเรื่องแต่ง
หยกก็เตรียมเอกสารและศึกษาเกี่ยวกับวีซ่า
ที่เราต้องดำเนินการขอ
สรุป หยกต้องขอวีซ่า F2 คือ วีซ่าติดตามคู่สมรสนักเรียน
(วีซ่านี้ เค้าห้ามทำงานนะจ๊ะ ผิด กม.
เพราะฉะนั้น นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมไม่หางานทำ)

16 มิถุนา 52 เค้าก็กลับมาไทยอีกครั้ง
เดินเรื่องเตรียมเอกสารอยู่ 2วัน

19 มิถุนา 52 จดทะเบียนสมรสที่ สนข.พระโขนง
ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

แล้วหยกก็กลับมาสระบุรี เพื่อเปลี่ยนคำนำหน้า เป็นนาง
และนามสกุลตามสามี และตั้งชื่อกลาง เก็บสกุลเก่าน่ะ
ทำบัตรประชาชนใหม่ (รูปสวยถูกใจ)
ตอนนี้ ชื่อยาวมากๆ

22 มิถุนา 52 กลับไปทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่
ทำที่เซนทรัลบางนา เป็นอะไรที่ง่าย ไว และสะดวกมากๆ
เจ้าหน้าที่ก็เป็นกันเอง ให้หยกเลือกรูปได้จนกว่าจะพอใจ
(รูปออกมาสวยถูกใจอีกแล้ว เย้ๆ)

7 กค 52 ไปสัมภาษณ์วีซ่าสหรัฐ
ใจตุ๊มๆต่อมๆ เพราะเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่กี่วัน
งานแต่งก็(ยัง)ไม่มี
แล้วมายื่นขอวีซ่า จะรอดมั้ยเนี่ยตู
แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ
เจ้าหน้าที่ถามหลายคำถาม
ประมาณว่า สามีเรียนอะไร เจอกันได้ยังไง
เค้าทำวิจัยอะไร เราก็ตอบๆไป
แล้วเค้าก็ยึดพาสปอร์ตเราไว้
บอกว่า จะส่งวีซ่าให้ภายในสามวัน
ดีใจ T_T

26 กรกฏา 52 จัดงานแต่งงานที่สระบุรี
มี่พี่สาวเดวิด และเพื่อนๆและลูกๆ รวม 10 คน
Image Hosted by ImageShack.us

Image Hosted by ImageShack.us


Image Hosted by ImageShack.us

Image Hosted by ImageShack.us

27 กค -1 สค 52 ฮันนีมูนที่เกาะสมุย
หยก เดวิด พี่สาวและสามี และเพื่อนอีก1คู่
Image Hosted by ImageShack.us

Image Hosted by ImageShack.us

กลับมาจากฮันนีมูน พี่สาวและเพื่อนเค้า ก็กลับไปหมดแล้ว
หยกก็มาเตรียมขอวีซ่าแคนาดาอีก

3-4 สค 52 หยกไปยื่นและสัมภาษณ์วีซ่าแคนาดา
ขอไปแบบ Multiple ก็กลัวเหมือนกัน เพราะเคยถูกปฏิเสธมา
คุณสามีไปเป็นเพื่อนด้วย ก็นั่งรอเค้าเรียก
แล้วเค้าก็เรียกชื่อเรา ให้ไปรับพาสปอร์ต
รับมา เปิดดู ก็รู้ว่าได้วีซ่า โดยที่ไม่ต้องสัมภาษณ์ใดๆ
ดีใจ.. T__T

ช่วงนี้ หยกก็เดินสายเจอเพื่อนๆ ร่ำลากันไป
แล้วก็กลับไปอยู่บ้านซัก 2-3วัน อยู่กับครอบครัว

10 สค 52 เดินทางมามิชิแกน สหรัฐอเมริกา
ไม่มีใครมาส่งทั้งนั้น น่าเศร้าเหมือนกัน ฮือๆ
จริงๆแล้ว ไม่ให้ใครมาส่งเอง เพราะรู้สึกว่าดีกว่า
ถ้ามีใครมาส่ง จะรู้สึกเศร้าเปล่าๆ
การเดินทางครั้งนี้ รู้สึกว่า แค่ไปเที่ยว เหมือนทุกครั้ง
เพียงแต่ว่าไปไกล และนานหน่อย แค่นั้นเอง
ก็เลยชิวๆ ไม่ได้โศกอะไรมากมาย
Image Hosted by ImageShack.us

10-12 สค 52 แลนซิ่ง
Image Hosted by ImageShack.us
ถนนหน้าบ้าน..

Image Hosted by ImageShack.us
มาแรกๆ ยังปรับตัวไม่ได้ นอนดึกและหนาวตลอด..

13 สค 52 เดินทางเข้าแคนาดา เพื่อพบครอบครัวเดวิด ครั้งแรก
ขับรถจากแลนซิ่งไปสอนดอน ใช้เวลาประมาณ 3-4ชม เท่านั้น
Image Hosted by ImageShack.us
ครั้งที่ได้พบกัน หลังจากรอมา 4-5ปี

หลังจากนั้นก็ ไป-มา ระหว่าง เมกาและแคนาดา เรื่อยๆ
แต่ช่วงนี้คงไม่ได้ไปอีกนาน
เพราะคุณสามี ต้องเร่งเขียนงานวิจัยให้เสร็จ
แล้วก็ต้องหางานไปด้วย..

ส่วนหยกมาอยู่เมกาได้ 6 เดิอนแล้ว
ปรับตัวแล้ว และได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆที่นี่มากมาย
ปกติก็จะอยู่บ้าน ทำงานบ้าน ทำกับข้าว ทำขนม
ถักนิตติ้ง โครเชรต์ และเล่นเน็ตไปตามประสา


มาอยู่นี่ 6 เดือน ยังไม่เคยร้องไห้เพราะเหงา เบื่อ
หรือคิดถึงบ้านเลยซักครั้ง
อาจเพราะเคยชินกับการอยู่ห่างบ้าน
เคยชินกับการอยู่คนเดียวมั้ง ซึ่งก็เป็นข้อดีไป
(คุณสามีเค้าก็กลัวนะ ว่าเราจะเหงา จะเบื่อ
เพราะเค้าทำแต่งานๆๆ แต่เราเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกเศร้าอะไรซักนิด)
Image Hosted by ImageShack.us
ไม่ได้เหงาเลย.. (ที่ Gravenhurst, CA สวยมากๆ)

แต่ก็ไม่ได้หายเงียบไม่ติดต่อกับที่บ้านเลยนะ
หยกก็ยังคุย และติดต่อกับที่บ้านและเพื่อนๆอยู่เรื่อย
ก็ผ่าน จม. โปสการ์ด MSN และ Video chat น่ะล่ะ

ขอบคุณเทคโนโลยีทุกวันนี้ ที่ทำให้ครึ่งโลก
อยู่ใกล้กันแค่หน้าจอ.. :)

ตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะ..
ไม่เคยคิด(แต่หวัง)ว่าจะได้ขึ้นเครื่องบิน ก็ได้บินซะสะใจ
ไม่เคยคิดหรือพิศวาสที่จะมาเมกา ก็ได้มา(อยู่)เสียนี่
Image Hosted by ImageShack.us

ไม่เคยคิด(แต่หวัง)ว่าจะได้เจอหิมะจริงๆ ก็ได้เล่นซะ แทบอ้วก..
Image Hosted by ImageShack.us

ไม่เคยคิด(แต่หวัง)ว่าจะได้รักกับฝรั่ง ก็ได้มาครอบครองสมใจ (ฮา..)
Image Hosted by ImageShack.us
ไม่เคยคิดว่า จะมั่นคง กับรักระยะไกลได้ เพราะเคยส้มเหลวมาแล้ว
ไม่เคยคิด(แต่หวัง)ว่า จะมีวันนี้ กับคนๆนี้.. (จริงๆนะ)

จากนี้ไป ยังมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกเยอะ
เพียงแต่ไม่รู้ว่า มันจะเปลี่ยนไปทางไหน
เท่านั้นเอง..



ขอบคุณที่ติดตามอ่านจ้า..


ปล.ยังมีเก็บตกให้อ่านอีกนะ
รอหน่อย..

3 comments:

Marienie said...

ซึ้งงงงงงอ่ะ

Unknown said...

แก่ เดวิชกับแกหน้าเหมือนกันที่ปาก กับตาว่ะ ดูตั้งนานว่าคล้ายกันตรงไหน

SweetPeaYok said...

หน้าตาดีเหมือนกัน :D